‘พวกข้าไม่ได้มาเล่นๆ!’ เมื่อเหล่าม้ามืด..ใช้เวทีสโมสรโลก ประกาศศักดา
ในวันที่โลกฟุตบอลถูกครอบงำด้วยชื่อชั้นของสโมสรยุโรป ที่ครองตำแหน่ง ‘แชมป์สโมสรโลก’ แบบถูกผูกขาดไว้นานถึง 11 ปีติดต่อกัน
ขณะที่ทีมต่างแดนไม่ว่าจะมาจากโซนไหนก็ตาม มักถูกมองว่าเป็นเพียงไม้ประดับของทัวร์นาเมนต์
แต่ค่ำคืนถึงเช้าที่ผ่านมา..ใครที่ยังคิดเช่นนั้น คงต้องคิดใหม่อีกครั้ง
เพราะในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 แฟนบอลได้เห็นสองฉากสำคัญที่พยายามพังทลายความเชื่อเดิมในคืนเดียว
เริ่มจาก ฟลูมิเนเซ่ แชมป์โกปา ลิเบอร์ตาดอเรส 2023 ลงสนามโค่น อินเตอร์ มิลาน รองแชมป์ยุโรปทีมล่าสุดไปแบบหมดจด 2-0
และถัดมาเพียงไม่กี่ชั่วโมง อัลฮิลาล จากซาอุดีอาระเบียก็สร้างหนึ่งในแมตช์สุดมันของทัวร์นาเมนต์ ด้วยการดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี แบบไม่มีถอย ก่อนเฉือนชนะไป 4-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ต้องออกตัวก่อนว่า นี่ไม่ใช่เกมที่แมนฯ ซิตีเล่นไม่ดี เพราะทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยังคงยึดสไตล์ที่พวกเขาทำได้ดีมาตลอด เน้นเปิดเกมเร็ว ยิงไวตั้งแต่ต้น ลุ้นประตูหลายครั้ง และครองบอลได้แทบทั้งเกม
แต่ทุกอย่างกลับถูก “แผนสวนกลับ” ของอัลฮิลาล เล่นงานอย่างจัง ทั้งความเด็ดขาด ความมั่นใจ และความกระหายของทีมจากซาอุฯ ถูกปลุกขึ้นมาจากบัญชาของ ซิโมเน อินซากี
กุนซือที่เข้ามาเปลี่ยนทีมที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ ให้กลายเป็นทีมที่กล้าเพรส กล้าบุก และกล้ายิง ใส่ยอดทีมพรีเมียร์ลีกแบบไม่มีเกรงกลัว
ระบบของอัลฮิลาลในยุคอินซากีถูกติดตั้งใหม่ทั้งโครงสร้าง ตั้งแต่แท็กติก วินัยทีม การยืนโซน การกดดันสูง ไปจนถึงเกมสวนที่คมกริบ และที่น่าจับตาคือ พวกเขาไม่ได้ดูต่างอะไรกับทีมจากยุโรปเลยด้วยซ้ำ
ชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่แค่การโค่นทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่มันคือคำประกาศชัดเจนว่า
ทีมจากซาอุดีอาระเบียจะไม่หยุดอยู่แค่เอเชีย เพราะพวกเขากำลังไล่ล่าความสำเร็จในเวทีระดับโลก ด้วยความจริงจังมากกว่าที่ใครคาดคิด
ถ้าคุณยังมองว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ..คงต้องบอกว่าไม่ใช่ เพราะก่อนหน้านี้ อัลฮิลาล เคยยันเสมอ เรอัล มาดริด มาแล้ว 1-1
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ใช่โชค ไม่ใช่ชั่วคราว แต่มาจากรากฐานของลีกซาอุฯ ที่ได้รับการยกระดับในทุกมิติ ทั้งการลงทุนในตัวนักเตะ โครงสร้าง สโมสร รวมถึงการเสริมภาพลักษณ์ผ่านซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่ย้ายมาสวมเสื้อทีมในดินแดนทะเลทราย
หนึ่งในนั้นคือ คริสเตียโน โรนัลโด ดาวเตะของอัลนาสเซอร์ ที่เคยยืนยันอยู่เสมอว่า ซาอุโปรลีกคือหนึ่งในลีกที่ยอดเยี่ยมที่สุด และมีเพียง “คนที่เคยค้าแข้งที่นี่เท่านั้น ที่จะเข้าใจความจริงข้อนั้นได้”
อย่างที่บอก..ไม่ใช่แค่อัลฮิลาล แต่ทีมจากลีก บราซิล ก็ยังเป็นอีกหนึ่งแรงสั่นสะเทือนในเวทีนี้
ฟลูมิเนเซ่ เพิ่งเขี่ย อินเตอร์ มิลาน ร่วงจากรอบแรกแบบหมดจด ขณะที่ พัลไมรัส กำลังรอปะทะ เชลซี ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
เสียงเชียร์จากแฟนบอลละตินในอเมริกาที่แทบยึดสนามเป็นบ้านตัวเอง บรรยากาศที่คลุ้งไปด้วยความเชื่อมั่น จังหวะของเกมที่นักเตะวิ่งกันเต็มทุกเทิร์น ทุกจังหวะ ทุกคนใส่กันสุดหัวใจ
ทั้งหมดนี้ กำลังทำให้ทีมยุโรปเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า หมดเวลาลองทีมเพื่อหันมาเอาจริงได้หรือยัง? ในเมื่อทีมเหล่านี้เอาจริงกันตั้งแต่นาทีแรก
และตั้งแต่รอบ 8 ทีมเป็นต้นไป ทุกแมตช์จะกลายเป็นสมรภูมิที่ไร้เส้นแบ่งเรื่องทวีป หรือเรียกว่า..อะไรก็เกิดขึ้นได้
เพราะทุกชัยชนะนับจากนี้ คือการก้าวเข้าใกล้ถ้วยแชมป์รูปแบบใหม่ ที่จะมอบเกียรติยศให้พวกเขาในฐานะ ‘ทีมแรกของโลก’ ที่ได้ครอบครอง
พร้อมเงินรางวัลสุดเย้ายวนที่สูงถึง 125 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เชื่อไม่มีใครอยากปล่อยให้หลุดมือแน่นอน 🏆💸
อ้างอิง: