ถึงคิวผู้ใช้ไทย! Spotify ปรับขึ้นราคา Premium ทั่วโลก มีผลเดือนหน้า
ก่อนหน้านี้ใครเห็นผู้ให้บริการ Streaming ขึ้นราคาก็คิดว่าอีกไม่นานค่ายอื่นก็ต้องขึ้น ล่าสุด Spotify เจ้าพ่อบริการมิวสิกสตรีมมิง ได้ประกาศปรับขึ้นราคาแพ็กเกจสมาชิก Premium อย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทย โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกับผู้ใช้งานปัจจุบันในรอบบิลถัดไป ซึ่งผู้ใช้งานจะได้รับอีเมลแจ้งเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวโดยตรง
ราคาใหม่ของ Spotify Premium ในประเทศไทย
การปรับราคาครั้งนี้ครอบคลุมทุกแพ็กเกจหลัก โดยมีรายละเอียดดังนี้
แพ็กเกจ ราคาเดิม (บาท/เดือน) ราคาใหม่ (บาท/เดือน) ส่วนต่าง Student 72 79 +7 บาท Individual 139 149 +10 บาท Duo 189 209 +20 บาท Family 219 249 +30 บาท
โดยเหตุผลที่ Spotify ขึ้นราคานั้นเพราะ การปรับราคาครั้งนี้จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถ "ลงทุนและสร้างสรรค์นวัตกรรม" ต่อไปได้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งานและศิลปินบนแพลตฟอร์ม
ในมุมมองของแวดวงไอที การขึ้นราคานี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ของ Spotify ที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากการเป็นเพียง "แอปฟังเพลง" ไปสู่การเป็น "แพลตฟอร์มเสียง (Audio Platform)" อย่างเต็มตัว ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการลงทุนมหาศาลในด้านต่างๆ เช่น:
พอดแคสต์ (Podcasts): การเข้าซื้อสตูดิโอและแพลตฟอร์มพอดแคสต์ชั้นนำ พร้อมสร้างคอนเทนต์ Exclusive จำนวนมาก
หนังสือเสียง (Audiobooks): ฟีเจอร์ใหม่ที่เริ่มทยอยเปิดให้ใช้งานในหลายประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดใหญ่ที่ Spotify ต้องการเข้ามามีส่วนแบ่ง
การพัฒนาฟีเจอร์: การลงทุนใน AI เพื่อปรับปรุงระบบแนะนำเพลง (Discovery Algorithm), ฟีเจอร์ Jam สำหรับฟังเพลงร่วมกับเพื่อนแบบเรียลไทม์ และการปรับปรุงคุณภาพเสียง
ต้นทุนในการพัฒนาและซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เหล่านี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโต การปรับราคาจึงเป็นหนทางหนึ่งในการรักษาสมดุลระหว่างการลงทุนเพื่อการเติบโตและการสร้างผลกำไรที่ยั่งยืน
นอกจากนี้การปรับราคาของ Spotify ครั้งนี้ ทำให้ราคาขยับเข้าใกล้คู่แข่งสำคัญอย่าง YouTube Music และ Apple Music มากขึ้น ซึ่งทั้งสองค่ายต่างก็มีจุดแข็งของตัวเอง เช่น YouTube ที่มีคลังมิวสิกวิดีโอขนาดใหญ่ หรือ Apple Music ที่ชูจุดเด่นเรื่องคุณภาพเสียงระดับ Lossless และ Spatial Audio
ดังนั้น การตัดสินใจ "จ่ายเพิ่ม" ของผู้ใช้งานจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ "คุณค่า" และ "ประสบการณ์" ที่แต่ละแพลตฟอร์มมอบให้ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการแนะนำเพลงที่ถูกใจ, เพลย์ลิสต์ที่โดดเด่น, หรือคอนเทนต์พิเศษที่หาฟังจากที่อื่นไม่ได้
แต่ทั้งนี้การขึ้นราคาของ Spotify ในรอบนี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่คาดเดาได้ และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าบริษัทกำลังเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในสงครามสตรีมมิง ซึ่งผู้ใช้งานอย่างเราก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่าง "ราคาที่เพิ่มขึ้น" กับ "คุณค่าและฟีเจอร์ใหม่ๆ" ที่จะได้รับในอนาคต ทำให้คนใช้งานก็ต้องปรับตัวว่าจะเลือกแบบไหนที่ดีกับคุณมากกว่า