‘ทักษิณ’ ลั่นกัมพูชาใช้ไม่ได้โจมตี "พลเรือน" จุดชนวนรบ
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้กำลังใจกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนไทยกัมพูชา ว่า วันนี้จะลงไปดูว่าเขาเป็นอยู่อย่างไรบ้าง เพราะเป็นเหตุฉุกเฉิน
ส่วนเหตุการณ์สู้รบครั้งนี้ที่ทำให้สูญเสียกำลังพลและประชาชน นายทักษิณ กล่าวว่า เมื่อมีการใช้อาวุธหนัก ก็ต้องมีการสูญเสีย แต่เขาต้องการปกป้องอธิปไตย ถือเป็นผู้ที่เสียสละ เราก็ต้องดูแลครอบครัว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่กัมพูชาใช้อาวุธโจมตีมายังบ้านเรือนประชาชนและโรงพยาบาล โดยไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม นายทักษิณ กล่าวว่า ใช้ไม่ได้ ไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำกัน ถูกประณามจากทั่วโลก ของเราขนาดใช้ F-16 เรายังระวัง ใช้เฉพาะพื้นที่เป้าหมายทางทหารเท่านั้น
เมื่อถามว่า ได้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการสื่อสารไปยังต่างประเทศอย่างไรบ้าง นายทักษิณ ยอมรับว่า มีหลายประเทศอยากเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย แต่เราถือว่าเป็นเรื่องของสองประเทศต้องคุยกัน หากว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง ใครมาไกล่เกลี่ยก็เหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ จะทำอะไรก็ทำ
พร้อมกล่าวถึงสาเหตุเริ่มต้นเกิดจากการปลุกกระแสนิยมภายในประเทศของเขามากเกินไป แต่ภายหลังก็กระทบกับผลประโยชน์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น
เมื่อถามว่า ประเมินสถานการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่น่าจะยืดเยื้อ ซึ่งที่ผ่านมาที่เขาบุกรุกอธิปไตยส่วนบริเวณจุดที่ปะทะ เคยเป็นพื้นที่ที่เราเคยครอบครอง และเขารุกคืบมา เขาก็เลยถือโอกาสที่จะเอาพื้นที่ที่เราเคยยึดครองอยู่นั้นคืนมา และทหารของเราจึงมีการขยายแนว พร้อมระบุว่าถึงขนาดนี้แล้ว พื้นที่ที่เคยเป็นข้อพิพาท ถูกครอบครองไปก็ต้องเอาคืนมา
เมื่อถามว่า วันนี้ทางกัมพูชาเปิดแนวรบมายังภาคตะวันออกฝั่งจังหวัดตราด นายทักษิณ กล่าวว่า ฝั่งกัมพูชามีกำลังอยู่บริเวณดังกล่าวด้วย ขณะเดียวกันฝ่ายไทยก็เตรียมความพร้อมอยู่
เมื่อถามว่า กรณีที่เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ได้ทวีตข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X ว่า หลายประเทศห่วงสถานการณ์สู้รบและเสนอตัวช่วยไกล่เกลี่ย ตนขอบคุณไปแต่ขอเวลาปล่อยให้ทหารไทยทำหน้าที่สั่งสอนเล่ห์เหลี่ยม ฮุน เซน ก่อนจนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก นายทักษิณ กล่าวว่า คือวันนี้คนไม่เข้าใจ เพราะถ้าเข้าใจภาพรวมจะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดจากเขาบ้าอยู่คนเดียว นั่งอยู่กับโซเชียลทั้งวันเป็นซอมบี้ แล้วก็หงุดหงิดมาหาเรื่อง ทั้งที่เราไม่มีอะไรเลย
ตนก็ยังคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ เกิดเหตุการณ์นี้ได้ มันไม่ใช่เรื่องของความขัดแย้งส่วนตัว ไม่มีเลย ไม่ได้เกี่ยวเลย ตนไม่เคยมีความขัดแย้ง เขาเป็นคนที่เริ่มต้นด้วยความระแวง และสร้างกระแสชาตินิยมภายในประเทศให้มากขึ้น
เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงคนไทยที่มองว่าการสู้รบที่เกิดขึ้นเกิดจากปัญหาของคน 2 ตระกูล นายทักษิณ ยืนยันว่า ไม่จริง ไม่ได้เป็นความขัดแย้งของ 2 ตระกูลเลย ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะว่าเขาไม่พอใจประเทศเรา
“เอาอย่างนี้ดีกว่าเริ่มต้น ตนจำวันที่ไม่ได้ มีอยู่วันหนึ่งวันศุกร์ เขาเคลื่อนกำลังมาที่ชายแดนเรา 12,000 คน ตนก็เลยโมโหโทรฯ ไปต่อว่าทำไมทำอย่างนี้ ในเมื่อลูกเราเป็นผู้นำสองประเทศ เราจะทำสงครามกันหรือ"
เขาก็ถามว่าจะทำอย่างไร ตนจึงบอกว่าต้องเปิดการเจรจา เราคุยกันแบบเพื่อนบ้าน ในที่สุดเขาก็เปิดให้มีการพูดคุยกันตั้งแต่ระดับชายแดน จนถึงเจบีซี วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่เขาถอนกำลัง โดยที่ไม่บอกกล่าว อยู่ๆ ก็ถอนเลย ทีนี้ทหารไทยเราประชุมกันเรียบร้อยแล้วว่าจะปิดด่าน เป็นมาตรการไม่ได้รุนแรง
แต่บังเอิญว่าสั่งการเมื่อวันศุกร์ พอวันอาทิตย์เขาถอนกำลัง เพราะฉะนั้นคำสั่งออกไปแล้ว วันจันทร์ก็เลยมีการปิดด่าน เขาก็เลยมีความรู้สึกว่าทำไมเขาถอนกำลังแล้วจึงยังปิดด่าน จึงโกรธและพูดจาไม่ดี นายกฯ เราก็เลยใช้คำว่า ไม่โปรเฟสชั่นแนล เขาก็เลยวางแผนอัดเทปตรงนั้นแหละคือปัญหา
ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเราไปสร้างปัญหา แต่เป็นเพราะว่าเขาระแวง เขาต้องการทำในสิ่งที่วางแผนไว้ เพราะเวลาปิดด่านไปขัดผลประโยชน์ เรื่องคอลเซ็นเตอร์ถือเป็นผลประโยชน์ที่คนไทยต้องปกป้อง จำได้หรือไม่ ตนพูดเรื่องตึก 25 ชั้น ตอนหลังมาจึงรู้ว่าคนเหล่านั้นคือคนใกล้ชิดกับเขา ซึ่งก็โดนออกหมายจับที่ประเทศไทย
นายทักษิณ กล่าวว่า เดิมไม่เคยมีความขัดแย้งใดๆ ตนยังคิดว่าเป็นเรื่องอารมณ์ส่วนตัว วันนี้เชื่อว่าทั้งประเทศเขาก็หงุดหงิดกัน ไม่มีใครพูดกับเขาได้ แต่ของเราใช้ทหาร ทำงานแบบมืออาชีพ ที่ตนพูดอย่างนั้นเพราะยุทธการทหารต้องเดิน อย่าไปห้ามเขา
ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้มีการแทรกแซงทหาร ปล่อยให้เขาทำงานในแนวที่คิดว่าเป็นยุทธการที่ถูกต้อง ก็ทำไป เราก็มีหน้าที่สนับสนุนเรื่องส่งกำลังบำรุง รัฐบาลก็มีหน้าที่สนับสนุน และไม่ได้หยุดยั้งอะไรเขา ขนาดมีคนมาขอให้หยุดยิง เราก็ยังถือว่ายุทธการทหารของเรายังไม่เสร็จสิ้น จะไปเบรกทหารเขาอย่างไร ก็ให้เขาทำไปให้เสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ใครเป็นคนขอให้หยุดยิง นายทักษิณ ยอมรับว่า มีหลายประเทศ
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงชาติมหาอำนาจอย่างจีน ได้ร้องขอจากทางฝ่ายตรงข้ามเรามากกว่า มาคุยกับเรา แต่เราคิดว่าอะไรควรหรือไม่ควร ก็ไปตกลงกันที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไม่ใช่ตน พร้อมปฏิเสธว่า ตนไม่ใช่ผู้ที่ไปล็อบบี้การเจรจาหยุดยิงเพื่อสันติภาพ และย้ำว่าไม่เป็นความจริง
วันนี้จะทำอะไรต้องถามยุทธการทหารก่อน เพราะต้องไปประชุมกันที่ สมช. ว่ายุทธการทหารจะเป็นอย่างไร และรัฐบาลการต่างประเทศควรเข้ามาตอนไหน เราไม่ได้เข้าซี้ซั้ว เราต้องเข้ามาในจังหวะที่เหมาะสม