โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที

สรุปงาน Neuralink Update, Summer 2025 เทคโนโลยีเชื่อมสมองมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์และการช่วยคนตาบอด

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา
สรุปงานอัปเดตเทคโนโลยี Neuralink Summer 2025: จากการรักษา สู่การยกระดับศักยภาพมนุษย์

วันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัท Neuralink ได้จัดงานอัปเดตความก้าวหน้าครั้งสำคัญในช่วงฤดูร้อนปี 2025 เผยให้เห็นถึงพัฒนาการที่ก้าวกระโดดของเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์ (Brain-Computer Interface - BCI)

โดยไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาทางการแพทย์ แต่ยังได้ฉายภาพวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ในการ "เพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์" และกำหนดนิยามใหม่ของการเป็นมนุษย์ในอนาคต

การนำเสนอครั้งนี้ตอกย้ำว่า Neuralink กำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็ว จากแนวคิดสู่การใช้งานจริงที่สร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อชีวิตผู้ป่วย พร้อมทั้งเปิดเผยแผนงานและนวัตกรรมทางวิศวกรรมที่จะเป็นรากฐานสำคัญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า


การแพทย์สู่การผสานรวมกับ AI วิสัยทัศน์ที่ไกลกว่าเดิม

เป้าหมายสูงสุดของ Neuralink ไม่ได้หยุดอยู่แค่การรักษาผู้ป่วยที่มี "ปัญหาเกี่ยวกับสมองและการบาดเจ็บของสมองและไขสันหลัง" แต่คือการ "สร้างอนาคตที่ยิ่งใหญ่สำหรับมนุษยชาติ หรือ Build a great future for humanity"

บริษัทโดยมองว่าเทคโนโลยีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานต่อการเป็นมนุษย์ หรือ a fundamental change to what it means to be a human" ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการรักษาผู้ป่วย

หัวใจสำคัญ คือ การทลายข้อจำกัดของแบนด์วิธในการสื่อสารของมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันถูกจำกัดอยู่แค่การพูดและการพิมพ์ Neuralink ตั้งเป้าที่จะเพิ่มแบนด์วิธจากระดับ "หนึ่งบิตต่อวินาที ไปจนถึงระดับเมกะบิตและกิกะบิตต่อวินาที"

ซึ่งจะนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า "การสื่อสารทางโทรจิตแบบเห็นพ้องต้องกัน หรือ Consensual telepathy" ที่เร็วกว่าปัจจุบันนับล้านเท่า ในระยะยาว การผสานรวมระหว่างมนุษย์กับปัญญาประดิษฐ์ AI ผ่าน Neuralink จะเป็นกุญแจสำคัญในการ "บรรเทาความเสี่ยงทางอารยธรรมของปัญญาประดิษฐ์" และทำให้มนุษย์สามารถ "ก้าวข้ามขีดจำกัดของชีววิทยา" ตามการเปิดเผยของอีลอน มัสก์ภายในงาน

"Telepathy" ผลิตภัณฑ์แรกที่คืนอิสรภาพให้ผู้ป่วย

ผลิตภัณฑ์แรกอย่าง "Telepathy" ได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมแล้ว โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ป่วยที่สูญเสียการควบคุมร่างกาย เช่น ผู้ที่บาดเจ็บไขสันหลัง (Spinal Cord Injury - SCI) หรือผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS)

เทคโนโลยีนี้จะอ่านสัญญาณประสาทจากสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการ "วางแผนการเคลื่อนไหว" (Motor Cortex) จากนั้นจะทำการถอดรหัสสัญญาณเหล่านั้นให้กลายเป็นคำสั่งดิจิทัลแบบเรียลไทม์

ทำให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมเคอร์เซอร์เมาส์บนคอมพิวเตอร์, คลิก, พิมพ์ข้อความ, และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ได้เพียงแค่ "คิด" ซึ่งเป็นการมอบความเป็นอิสระและช่วยให้พวกเขากลับมามีส่วนร่วมกับโลกดิจิทัลได้อีกครั้ง

ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมการทดลองแล้ว 7 ราย (SCI 4 ราย, ALS 3 ราย) ซึ่งสามารถใช้ความคิดควบคุมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ได้ โดยมีชั่วโมงการใช้งานเฉลี่ยสูงถึง 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และบางรายใช้งานสูงสุดมากกว่า 100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

เรื่องราวความสำเร็จในการใช้งานของผู้ป่วย

Nolan (P1) ผู้ป่วยรายแรกที่ทำลายสถิติโลก BCI ด้วยความเร็ว 7 BPS (Bits Per Second) ตั้งแต่วันแรกที่ใช้งาน เขาสามารถควบคุมเคอร์เซอร์เมาส์ได้อย่างราบรื่น เล่นเกม Mario Kart และใช้เวลาไปกับการเรียนภาษา คณิตศาสตร์ และเขียนหนังสือได้เกือบตลอดทั้งวัน

Brad Smith (P3) ผู้ป่วย ALS ที่ไม่สามารถพูดได้ ก่อนหน้านี้ต้องพึ่งพาเครื่องควบคุมด้วยสายตาซึ่งใช้งานกลางแจ้งไม่ได้ แต่ด้วย Neuralink เขาสามารถ "ออกไปข้างนอก" และสื่อสารกับโลกภายนอกได้อีกครั้ง

Alex (P2) ผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลังที่สามารถควบคุมแขนหุ่นยนต์เพื่อวาดรูปและเขียนหนังสือได้ นอกจากนี้ เขายังสามารถควบคุมนิ้วของหุ่นยนต์ Optimus เพื่อเล่น "เป่ายิ้งฉุบ" ได้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงศักยภาพในอนาคตที่จะสามารถควบคุมร่างกายของหุ่นยนต์ได้อย่างสมบูรณ์

"Blind Sight" และอนาคตของการรักษา

ผลิตภัณฑ์ถัดไป คือ "Blind Sight" ซึ่งออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูการมองเห็นให้กับผู้ที่ตาบอดสนิท แม้แต่ผู้ที่ตาบอดแต่กำเนิด โดยจะเริ่มต้นจากการมองเห็นในระดับความละเอียดต่ำและพัฒนาไปสู่ความละเอียดสูง

หลักการของ "Blind Sight" จะแตกต่างจากการรักษาดวงตาโดยตรง แต่จะเป็นการข้ามระบบประสาทตาที่เสียหายไป โดยใช้อุปกรณ์กล้องภายนอกรับภาพ แล้วส่งข้อมูลภาพนั้นเป็นสัญญาณไฟฟ้าไปกระตุ้น คอร์เทกซ์การมองเห็น (Visual Cortex) ในสมองโดยตรง เพื่อสร้างการรับรู้ภาพขึ้นมาในสมอง

ในระยะแรกบริษัทตั้งเป้าให้สร้างภาพที่มีความละเอียดต่ำพอที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถรับรู้สิ่งกีดขวางและนำทางในชีวิตประจำวันได้ แต่เป้าหมายในระยะยาวคือการพัฒนาให้สามารถสร้างภาพที่มีความละเอียดสูงเทียบเท่าการมองเห็นของคนปกติ และอาจขยายไปสู่การมองเห็นในคลื่นความถี่อื่นที่มนุษย์มองไม่เห็น เช่น อินฟราเรด หรือ เรดาร์ได้

นอกจากนี้ยังช่วยในการมองเห็นในย่านความถี่อื่น เช่น อินฟราเรด หรือเรดาร์ ในอนาคต Neuralink ยังวางแผนที่จะรักษาภาวะทางระบบประสาทและจิตเวช เช่น อาการปวดจากเส้นประสาท โดยการฝังอิเล็กโทรดลงไปในส่วนลึกของสมอง

เบื้องหลังความสำเร็จนวัตกรรมทางวิศวกรรมที่ก้าวกระโดด

1. หุ่นยนต์ผ่าตัด R2 หุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่พัฒนาความเร็วในการฝังเส้นลวดอิเล็กโทรดขึ้นถึง 11 เท่า จากเดิม 17 วินาทีต่อเส้นในรุ่น R1 เหลือเพียง 1.5 วินาทีต่อเส้น และยังออกแบบมาให้รองรับสรีระของประชากรมนุษย์ได้มากกว่า 99%

2. การเพิ่มความหนาแน่นของช่องสัญญาณจากปัจจุบันที่ 1,000 อิเล็กโทรด Neuralink มีแผนจะเพิ่มเป็น 3,000 อิเล็กโทรดในปี 2026 และ 10,000 อิเล็กโทรด ในปี 2027, และมากกว่า 25,000 อิเล็กโทรด ในปี 2028 เพื่อมุ่งสู่ "อินเทอร์เฟซสมองทั้งหมด" (Whole brain interface)

3. การปรับเทียบที่รวดเร็ว โดยทีม Machine Learning ของบริษัทสามารถลดเวลาการปรับเทียบเพื่อควบคุมเคอร์เซอร์จากหลายชั่วโมง เหลือเพียง 15 นาที สร้างประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับ 'Plug-and-play' ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ใช้คิดว่าอยากจะเลื่อนเมาส์ไปทางขวาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์การทำงานจะทำได้รวดเร็วมากขึ้น

แผนงาน 3 ปีข้างหน้าและเป้าหมายในอนาคต

Neuralink วางแผนงานในอนาคตโดยเริ่มจากปัจจุบันที่ใช้ 1,000 อิเล็กโทรด ควบคุมเคอร์เซอร์ และจะขยายไปสู่การถอดรหัสคำพูดโดยตรงจากสมองในไตรมาสหน้า จากนั้นจะเพิ่มจำนวนอิเล็กโทรดเป็น 3,000 อิเล็กโทรด ในปี 2026 พร้อมเริ่มการทดลอง "Blind Sight" เพื่อฟื้นฟูการมองเห็น และจะเพิ่มเป็น 10,000 อิเล็กโทรด ในปี 2027 เพื่อฝังอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกัน (การเคลื่อนไหว, การพูด, การมองเห็น)

โดยมีเป้าหมายสูงสุดในปี 2028 ที่จะใช้ช่องสัญญาณมากกว่า 25,000 อิเล็กโทรด เพื่อให้สามารถเข้าถึงทุกส่วนของสมองและเริ่มสาธิตการผสานการทำงานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ AI ได้

งานอัปเดต Neuralink Summer 2025 แสดงให้เห็นว่าบริษัทกำลังก้าวข้ามจากขั้นตอนการวิจัยไปสู่การใช้งานจริงที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนได้อย่างแท้จริง ด้วยความก้าวหน้าทางวิศวกรรมที่รวดเร็ว

การสนับสนุนด้านเงินทุนที่แข็งแกร่ง และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน Neuralink ไม่เพียงแต่มอบความหวังให้กับการรักษาทางการแพทย์ที่ซับซ้อน แต่ยังกำลังปูทางไปสู่ยุคใหม่ที่เส้นแบ่งระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยีจะค่อยๆ เลือนหายไป ซึ่งเป็นอนาคตที่อีลอน มัสก์ เรียกว่า "แปลกประหลาดแต่เจ๋ง" (Weird but cool) และกำลังจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่หลายคนคาดคิด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

รู้หรือไม่? มนุษย์เคยเดินทางขึ้นสู่อวกาศแล้ว 750 คน โดย 6 คนล่าสุดเป็นนักท่องเที่ยวอวกาศจาก Blue Origin

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ป.ป.ช. ลุยแผน TaB เปลี่ยนเกมโกง “ไม่ให้-ไม่รับ” ต้านสินบนทั้งระบบ

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอทีอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

สรุปงาน Neuralink Update, Summer 2025 เทคโนโลยีเชื่อมสมองมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์และการช่วยคนตาบอด

TNN ช่อง16

รู้หรือไม่? มนุษย์เคยเดินทางขึ้นสู่อวกาศแล้ว 750 คน โดย 6 คนล่าสุดเป็นนักท่องเที่ยวอวกาศจาก Blue Origin

TNN ช่อง16

ดาวเทียม FireSat Protoflight ดาวเทียมที่จะสแกนโลกในทุก 20 นาที เพื่อค้นหาและแจ้งเตือนไฟป่า

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...