ตรวจค้น 19 จุดเครือข่ายก๊ก อาน รวบผู้ต้องหา 17 ราย เตรียมประสาน ตท. ขออินเตอร์โพล ออกหมายแดง
ตรวจค้น 19 จุดเครือข่ายก๊ก อาน รวบผู้ต้องหา 17 ราย เตรียมประสาน ตท. ขออินเตอร์โพล ออกหมายแดง
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) เมืองทองธานี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท.พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 พร้อมด้วยนายสุทธิศักดิ์ สุมน ผอ.กองกฏหมาย แถลงข่าวผลการปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 19 จุดในพื้นที่กรุงเทพ / จ.สมุทรปราการ / และ จ.ชลบุรี เครือข่ายนายก๊ก อาน เจ้าของ Crown Casino Resort เมื่อวานที่ผ่านมา (8ก.ค.) โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 17 ราย แบ่งเป็น ชาวจีน 10 ราย ,ชาวเมียนมา 4 ราย ,ชาวกัมพูชา 2 ราย และคนไร้สัญชาติ 1 ราย ซึ่งทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ เปิดเผยว่า ได้ขอหมายค้นเพิ่มอีกหนึ่งจุด ซึ่งเป็นบ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่กรุงเทพ ฯ ของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับนายก๊ก อาน แต่ปรากฏว่าบ้านถูกปิดเงียบ คาดว่าน่าจะทราบข่าวก่อนการลงตรวจค้น จึงต้องประสานกับฝ่ายปกครองเพื่อทำการเข้าตรวจค้นอีกครั้ง เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านและไม่มีนิติบุคคลที่สามารถประสานงานได้
ส่วนเรื่องของเส้นทางการเงิน พบว่ามีหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับนายก๊ก อาน เฉพาะในปี 67-68 ที่ตนรับตำแหน่ง ผบช.สอท. เช่น คดีจับกุม 56 คนไทยที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปต มีเส้นเงินเชื่อมโยงกับตึก 18 ชั้น คดีภูริคาสิโน และคดี น.ส.ชาล็อต ออสติน ที่มีเส้นเงินเชื่อมโยงตึก 25 ชั้น และคดีแพทย์ถูกหลอก 30 ล้าน ซึ่งมีเส้นเงินเชื่อมโยงกับตึก 25 ชั้น และตึก 17 ชั้น หรือตึก HISO ซึ่งทั้งหมดเป็นตึกของนายก๊ก อาน นำมาสู่การดำเนินคดีกับนายก๊ก อาน ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว
ส่วนกรณีที่นายก๊ก อาน อยู่ที่ประเทศกัมพูชานั้น เบื้องต้นได้มีการตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน พร้อม มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รอง ผบก.สอท.) เป็นหัวหน้าคณะ ทำรายงานไปยังตำรวจกองการต่างประเทศ (ตท.) เพื่อประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นเมื่อพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องจะมีการรายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
เมื่อถามว่าส่วนความร่วมมือจากประเทศกัมพูชา พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ในคดีก่อนหน้านี้ที่ตำรวจไทยเคยประสานไปยังกัมพูชาปรากฏว่าไม่ได้รับความร่วมมือ แต่ครั้งนี้ตนเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของตำรวจกัมพูชาว่า จะให้ ความร่วมมือกับตำรวจสากล ส่วนเรื่องนางสาวจุรี หรือเชอร์รี่ที่มีการถือบัตรประชาชนคนไทย เบื้องต้นจากข้อมูลการสืบสวนพบว่าข้อมูลมีความขัดแย้งกับทะเบียนราษฎร์ ซึ่งจะมีการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ต่อมาเวลา 15.30 น. หลังประชุมร่วมกันนานเกือบ 2 ชั่วโมง โดยพล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้ได้ประชุมร่วมกับ ผอ.กองกฎหมาย ปปง. เนื่องจากพบว่าก๊ก อาน มีความเชื่อมโยงกับคดีของนางสาวชาลอต นางแบบชื่อดัง และยังพบคดีอื่น ๆ อีก 3 คดี ที่มีความเชื่อมโยงกัน จึงเป็นหลักฐานให้นำมาสู่การออกหมายจับในประเทศไทย ในข้อหาเป็นผู้มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานประกอบในสำนวน หากเสร็จสิ้นแล้วจะส่งให้พนักงานอัยการพิจารณา เมื่อพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องต่อศาลแล้ว จึงจะสามารถประสานกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นเรื่องให้องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรืออินเตอร์โพล ออกหมายแดง ต่อไป
ส่วนการประชุมร่วมกับ ปปง.ในวันนี้ ได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับเส้นทางการเงินของนายก๊กอาน ในอดีต ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงบุคคลในประเทศไทยหรือกัมพูชาหรือไม่ ประเด็นนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยเชื่อว่า นายก๊ก อาน ได้ถือครองทรัพย์สิน และอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และต่างประเทศอีกจำนวนมาก ซึ่งหากเป็นประเทศที่อยู่ในความร่วมมือของอินเตอร์โพลก็มีแนวโน้มที่จะขอความร่วมมือในการตรวจสอบและอายัดทรัพย์สิน ส่วนจะมีคนไทยหรือใครที่รับผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังก็ต้องขยายผลเพิ่มเติม
ด้าน นายสุทธิศักดิ์ เปิดเผยว่าหลังมีการตั้งพนักงานสืบสวน จากการตรวจสอบทรัพย์สินและการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของนายก๊กอาน พบว่ามีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านบาท และยังเชื่อว่ามีทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ยังต้องสืบทรัพย์อีกจำนวนมาก รวมถึงทรัพย์สินที่เป็นสกุลเงินดิจิทัล และทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่ง ปปง. ก็มีอำนาจในการตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินส่วนนี้มาขายทอดตลาดและคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหาย ส่วนกรณีของนางสาวจุรี หรือเชอร์รี่ ที่มีกระแสข่าวว่าเป็นลูกสาวของนายก๊กอาน และมีข้อมูลว่าสวมสิทธิ์บัตรประชาชนคนไทย จากข้อมูลของตำรวจยังขัดแย้งกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ซึ่งต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบค้นข้อมูลว่าคนไทยที่ถูกสวมสิทธิ์ยังมีตัวตนอยู่หรือไม่ หรือเป็นการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ขึ้นมา
ส่วนเรื่องทรัพย์สินของกลางที่ตรวจยึดได้ ข้อมูลเบื้องต้นจากโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ก่อนสรุปรายงานไปยังพล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ต่อไป โดยพรุ่งนี้จะมีการแถลงข่าวอีกครั้งในเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ตรวจค้น 19 จุดเครือข่ายก๊ก อาน รวบผู้ต้องหา 17 ราย เตรียมประสาน ตท. ขออินเตอร์โพล ออกหมายแดง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th