“ทรัมป์” เล็งขยายเวลาระงับเก็บภาษีตอบโต้ จากกำหนดเดิม 9 ก.ค.68
“ทรัมป์” เล็งขยายเวลาระงับเก็บภาษีตอบโต้ จากกำหนดเดิม 9 ก.ค.68 ขณะญี่ปุ่นเร่งเจรจานัดที่ 7 หวังลดภาษีรถยนต์เหลือ 10% ก่อนศึกเลือกตั้งวุฒิสภา 20 ก.ค.
วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลา 09.12 น. สำนักข่าว Kyodo News รายงานว่า ทำเนียบขาวเผย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ อาจขยายระยะเวลาหยุดบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีตอบโต้ หรือ “Reciprocal Tariffs” ออกไปจากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568
ขณะเดียวกัน นายเรียวเฮ อากาซาวะ หัวหน้าคณะเจรจาภาษีของญี่ปุ่น เดินทางถึงกรุงวอชิงตันเพื่อหารือรอบใหม่กับ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และ ฮาเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ
คาโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า “เส้นตายนี้ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด” พร้อมเสริมว่า “หากประเทศเหล่านั้นไม่ยอมตกลงภายในเส้นตาย ประธานาธิบดีสามารถกำหนดอัตราภาษีตอบโต้ที่เขาเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐได้ทันที”
โฆษกทำเนียบขาวกล่าวด้วยว่าสหรัฐมีการหารือที่ดีและสร้างสรรค์กับหลายประเทศคู่ค้ารายสำคัญ และเมื่อถูกถามถึงโอกาสในการขยายเวลาหยุดเก็บภาษี ตอบว่าเป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีจะตัดสินใจ
ถ้อยแถลงมีขึ้นในขณะที่ญี่ปุ่นและประเทศคู่ค้าใหญ่อื่น ๆ ของสหรัฐกำลังเร่งเจรจากับฝ่ายการค้าของทรัมป์เพื่อขอผ่อนปรนมาตรการภาษีที่รัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ระบุเป็นครั้งแรกเมื่อกลางเดือนมิถุนายนว่ารัฐบาลอาจขยายเวลาหยุดเก็บภาษีออกไป หากคู่ค้าหลักของสหรัฐยังคงเจรจาอย่างจริงใจ
การเยือนกรุงวอชิงตันของอากาซาวะครั้งนี้ ถือเป็นการเจรจาภาษีระดับรัฐมนตรีครั้งที่ 7 ระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐ และมีขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเกรุ อิชิบะ และทรัมป์ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องภาษีระหว่างการประชุมทวิภาคีบนเวที G7 ที่แคนาดาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าการเจรจาระดับรัฐมนตรีจะเดินหน้าต่อไปเพื่อหาข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ โดยทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมาว่า “คนญี่ปุ่นเขี้ยวลากดิน”
เมื่อเดินทางถึงสนามบินใกล้กรุงวอชิงตัน อากาซาวะปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่าญี่ปุ่นจะเน้นประเด็นใดเป็นพิเศษในการเจรจาครั้งนี้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องของการทูต
ทั้งนี้มาตรการหยุดเก็บภาษี 90 วันของสหรัฐใช้กับอัตราภาษีเฉพาะประเทศตามโครงการตอบโต้ของทรัมป์ ครอบคลุมประมาณ 60 ประเทศคู่ค้าที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐ โดยไม่กระทบกับภาษีฐานทั่วไป 10% ที่เก็บจากสินค้านำเข้าทุกประเทศ
ในกรณีของญี่ปุ่น รัฐบาลทรัมป์กำหนดเก็บภาษีเฉพาะประเทศเพิ่มอีก 14% ทำให้อัตราภาษีรวมอยู่ที่ 24% ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่น และสหรัฐได้เพิ่มภาษีรถยนต์นั่งนำเข้าอีก 25% ในช่วงต้นเดือนเมษายน ทำให้อัตราภาษีรวมอยู่ที่ 27.5% ซึ่งสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นอย่างมาก
อากาซาวะย้ำว่าภาษีเพิ่มเติมนี้ “เป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นไม่อาจยอมรับได้”
เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นรายหนึ่งระบุว่า หากญี่ปุ่นสามารถลดภาษีรถยนต์ลงเหลือ 10% ก่อนการเลือกตั้งวุฒิสภาในวันที่ 20 กรกฎาคม 2568 จะถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของรัฐบาล
ทั้งนี้การเลือกตั้งวุฒิสภาถือเป็นบททดสอบสำคัญของนายกรัฐมนตรีอิชิบะ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อยนับตั้งแต่พรรคร่วมรัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
ที่มา : english.kyodonews.net, การเงินธนาคาร