ปมพิรุธ ! พร้อมเพย์ ใครกันแน่ ผูกบัญชีกองทุนฯ?
ปมพิรุธ ! พร้อมเพย์ ใครกันแน่ ผูกบัญชีกองทุนฯ?
ข้อสงสัยที่เริ่มจากคำถามเล็ก ๆ ว่า “ทำไมเลขบัตรประชาชนของผู้เสียชีวิตจึงยังสามารถใช้รับเงินผ่านพร้อมเพย์ได้?” กลายเป็นชนวนที่ขยายไปสู่การตั้งคำถามใหญ่ของสังคม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้อมูลส่วนบุคคลของ “พระอลงกต” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี และมูลนิธิธรรมรักษ์ที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าว The Room44 ได้สอบถามไปยังธนาคารแห่งหนึ่งเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเรื่องการผูกบัญชีพร้อมเพย์ โดยเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า การผูกบัญชีพร้อมเพย์ผ่าน เลขบัตรประชาชน 13 หลักหรือเบอร์โทรศัพท์ สามารถทำได้ด้วยตนเองผ่านแอปธนาคารหรือตู้เอทีเอ็ม โดย ไม่จำเป็นต้องไปที่สาขา หากมีการผูกบัญชีแทนบุคคลอื่น ต้องมีเอกสารรับรองสิทธิ์ตามกฎหมาย หรือทำธุรกรรมที่สาขาโดยตรง การยกเลิกพร้อมเพย์ ก็สามารถทำได้ผ่านแอป
แต่ในกรณีที่ใช้ เลขบัตรประชาชนของผู้เสียชีวิต ไปผูกบัญชีพร้อมเพย์ ทางธนาคารยืนยันว่า ญาติหรือบุคคลทั่วไปไม่สามารถยกเลิกได้ด้วยตนเอง จำเป็นต้องแจ้งความและยื่นหลักฐาน เช่น ใบมรณบัตร หรือสำเนาบัตรประชาชนของผู้เสียชีวิตเพื่อดำเนินการตรวจสอบและอายัดบัญชี
ข้อมูลจากธนาคารทำให้เกิดคำถามใหม่ว่า กรณีเลขบัตรประชาชนของ นายอลงกต (บุคคลที่เสียชีวิต) ไปปรากฏอยู่ในระบบพร้อมเพย์ของ “กองทุนอาทรประชานาถ” ที่เชื่อมโยงกับมูลนิธิธรรมรักษ์นั้น เกิดจากใครเป็นผู้ดำเนินการ และเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด?
หากมีการผูกบัญชีตั้งแต่ก่อนเสียชีวิต แต่ไม่มีการแจ้งยกเลิกกับธนาคารจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้มีการรับเงินผ่านชื่อผู้เสียชีวิต ซึ่งอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของกองทุน
และขณะนี้ บัญชีดังกล่าวไม่สามารถทำรายการโอนเงินได้แล้ว โดยระบบระบุว่า ‘บัญชีขออภัยไม่พบข้อมูลการลงทะเบียนของรหัสพร้อมเพย์’
เมื่อขยายการตรวจสอบจากระบบธนาคารไปยัง ข้อมูลทางราชการ พบว่า ยังมีข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างเอกสารสำคัญ 3 ประเภท คือ ทะเบียนสัทธิวิหาริก (ทะเบียนประวัติพระบวชใหม่) , ใบสุทธิพระ , บัตรประชาชน
โดยรายละเอียดที่แตกต่างกันนั้น คือ
- พระอลงกตบวชเมื่อ 1 มีนาคม 2529 สังกัดมหานิกาย
- ทะเบียนสัทธิวิหาริกระบุวันเกิด 1 ธันวาคม 2505 (อายุ 63 ปี)
- ใบสุทธิพระ ระบุวันเกิด 1 ธันวาคม 2498 (อายุ 70 ปี)
- บัตรประชาชน ระบุวันเกิด 6 กุมภาพันธ์ 2503 (อายุ 65 ปี) พร้อมเปลี่ยนนามสกุลจาก “พลมุข” เป็น “พูลมุข”
- พระอลงกตได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อ–สกุลเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2552
ข้อเท็จจริงเหล่านี้ทำให้เกิดความสับสนว่า เหตุใดข้อมูลพื้นฐานของบุคคลเดียวกันจึงไม่ตรงกันในเอกสารราชการที่ควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน?
ขณะที่ นายสมเกียรติ ไพศาล อายุ 74 ปี ชาวบ้านใกล้วัดพระบาทน้ำพุให้ความเห็นว่า เรื่องชื่อซ้ำไม่ใช่เรื่องแปลกในสังคมไทย แต่เลขบัตรประชาชนซ้ำนั้นควรให้กรมการปกครองตรวจสอบ ส่วนตัวเชื่อว่าหลวงพ่อยังอยู่ที่วัด ไม่ได้หลบหนี และยังคงดูแลกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงแจกขนมเด็ก ๆ ตามปกติ แม้แต่ผมเองยังเจอคนชื่อเหมือนกันหลายคน แต่ถ้าเลขบัตรตรงกับผู้เสียชีวิต ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ไม่งั้นสังคมจะเข้าใจผิด คิดว่าเงินที่บริจาคให้วัดหรือหลวงพ่อถูกนำไปใช้ไม่ถูกต้อง
ด้านนายเฉลิมพล พลมุข ประธานมูลนิธิธรรมรักษ์ ย้ำว่า เรื่องเลขบัตรประชาชนของผู้เสียชีวิตที่ปรากฏในระบบพร้อมเพย์ ไม่เกี่ยวข้องกับพระอลงกตโดยตรง และเป็นหน้าที่ของสำนักทะเบียนที่จะต้องตรวจสอบและให้คำชี้แจง หากมีผู้กระทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ข้อมูลชื่อ–เลขบัตร–วันเกิดที่ไม่ตรงกัน กลายเป็นบททดสอบสำคัญของศรัทธาและความเชื่อมั่นที่สังคมมีต่อวัดพระบาทน้ำพุ และโดยเฉพาะต่อพระอลงกต ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อชื่อเสียงของพระสงฆ์รูปหนึ่ง แต่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับความมั่นใจของผู้บริจาค ที่อาจตั้งคำถามว่า เงินที่บริจาคผ่านบัญชีหรือกองทุนต่าง ๆ นั้น ไปถึงจุดหมายจริงหรือไม่
คำถามที่สังคมยังคงสงสัย คือ ทำไมเอกสารสำคัญทางราชการของพระอลงกต จึงระบุข้อมูลต่างกัน? รวมถึงการเปลี่ยนชื่อ–สกุลในปี 2552 ส่งผลกระทบต่อข้อมูลเดิมในระบบหรือไม่? และบัญชีพร้อมเพย์ที่เชื่อมกับเลขบัตรประชาชนของผู้เสียชีวิต ใช้รับบริจาคจริงหรือไม่ และใครเป็นผู้ดำเนินการ? พระอลงกต กับ นายอลงกต เป็นคนละคนจริงหรือไม่ และข้อมูลในทะเบียนบ้าน–บัตรประชาชน สอดคล้องกันอย่างไร?
จนกว่าจะมีคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากกรมการปกครอง สำนักทะเบียนกลาง หรือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ศรัทธาของประชาชนก็ยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้ายของความคลุมเครือ