รู้ตัวแล้วใคร! ฉกพระ 10 ล้าน ‘บุ๊ง กำแพง’ มั่นใจฝีมือตร.-ให้ 5 หมื่นรางวัลนำจับ
จากกรณีคนร้ายสวมไอ้โม่งบุกเดี่ยวงัดบ้าน นายภาคภูมิ วัชรอยู่ หรือ “บุ๊ง กำแพง” เซียนพระชื่อดังในพื้นที่ ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยกวาดพระเครื่องและวัตถุมงคลไปได้มากกว่า 50 รายการ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ก่อนหลบหนีไปทางหลังโรงเรียนนครสวรรค์ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้อย่างชัดเจน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 68 นายภาคภูมิ วัชรอยู่ หรือ “บุ๊ง กำแพง” เซียนพระชื่อดัง กล่าวว่า หลังจากปรากฏเป็นข่าวออกไป ได้มีตำรวจชุดสืบสวนเจ้าของพื้นที่โทรฯ มาบอกว่าจะมีการนำคดีส่งไปยังตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อช่วยติดตามจับกุมตัวคนร้ายอีกทาง แต่ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย นายภาคภูมิ ระบุว่า พอจะรู้ตัวว่าคนร้ายที่งัดบ้านเข้ามาขโมยพระคือใคร เนื่องจากตนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบ้านอย่างละเอียดแล้ว จะมีกล้องบางมุมที่สามารถบันทึกเสียงของคนร้ายเอาไว้ได้ ขณะคนร้ายกำลังวิดีโอคอลเปิดหน้าพูดคุยกับเสียงปลายสาย โดยในคลิปจะมีการเรียกชื่อคนร้ายว่า “บอย”
“ภาพในกล้องวงจรปิด ก็เห็นหน้าชัดเจน ประกอบกับมีเสียงเรียกชื่อว่านายบอยอีก ซึ่งผมก็เชื่อว่า น่าจะเป็นลูกน้องของเซียนพระชื่อดังอีกราย ที่มีประวัติแสบสัน อยู่ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ และเรื่องพวกนี้ ผมนำหลักฐานต่างๆ ไปมอบให้กับตำรวจในวันแจ้งความไว้แล้ว แต่จนถึงวันนี้ เรื่องก็ยังเงียบ จึงนำเรื่องมาร้องสื่อให้ช่วยตามหาเบาะแสอีกทาง” เซียนพระชื่อดัง กล่าว
นายภาคภูมิ กล่าวอีกว่า ตนร้อนใจมาก เพราะนอกจากจะต้องสูญพระไปกว่า 50 องค์ มูลค่านับ 10 ล้านบาทแล้ว ยังจะต้องชดใช้คืนค่าพระให้กับคนรู้จักที่มีความสนิทกับตน ไว้ใจนำพระสมเด็จจิรดา ตลับทองฝังเพชร, พระสมเด็จจิรดา ตลับทองลงยา และสมเด็จวัดเกตุ 7 ชั้น มาฝากให้ตนปล่อยเช่าบูชาต่อ รวมกันสูงกว่า 4 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้สุดท้ายความหวังแม้จะดูเลือนราง นายภาคภูมิ ยังมั่นใจต่อตำรวจในพื้นที่ โดยเชื่อว่า ตำรวจน่าจะจับกุมตัวคนร้ายได้ในเร็วๆ นี้ เพราะไม่มีคนร้ายรายไหนเก่งเกินไปกว่าตำรวจไทยอยู่แล้ว ส่วนเรื่องรางวัลนำจับตัวคนร้ายนั้น นายภาคภูมิ ยังยืนยันว่า ได้ตั้งรางวัลนำจับไว้ จำนวน 50,000 บาทอยู่เช่นเดิม สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด.