ตร. ตั้งศูนย์นานาชาติปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งเป้าตามล่าเงินคืนอย่างรวดเร็ว
ที่ศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บัญชาการ ศกค. หรือ International Anti-Scam and Human Trafficking Syndicate Command Center (IAC) และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) ได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวศูนย์ War Room ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภายใต้แนวคิด 'MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน'
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งศูนย์ฯ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการเริ่มต้นการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ โดยนำเจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยมารวมอยู่ใน War Room แห่งนี้ เมื่อเกิดความเสียหายมูลค่ามากกว่า 100,000 บาท คดีจะถูกโอนเข้ามาที่ศูนย์ฯ ทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถประสานงานกับธนาคารเพื่อติดตามเส้นทางการเงินและดำเนินการอายัดได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อตำรวจทราบจุดหมายปลายทาง จะมีการประสานตำรวจในพื้นที่เพื่อเข้าจับกุมผู้กระทำผิด ซึ่งที่ผ่านมาสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้หลายครั้งขณะกำลังถอนเงินออกจากธนาคาร และสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลการจับกุมเพิ่มเติมได้ การจัดตั้งศูนย์ฯ ทำให้การติดตามจับกุมขบวนการทำได้ง่ายขึ้นมาก เนื่องจากมีการทำงานที่เป็นระบบและรวดเร็วกว่าเดิม
เป้าหมายหลักของศูนย์ฯ นอกจากจะจับกุมคนร้ายให้ได้เร็วที่สุดแล้ว ยังมุ่งเน้นการนำเงินคืนผู้เสียหายอย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์มีโครงการ Money Cash Back ที่จะคืนเงินให้ผู้เสียหายทันทีที่พบเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับผู้เสียหาย สถิติการคืนเงินที่ก่อนหน้านี้ไม่เกิน 10% ได้เพิ่มขึ้นเป็น 27% โดยมีคดีที่สามารถติดตามเส้นทางการเงินจนถึงจุดสิ้นสุดและอายัดเงินได้แล้วกว่า 200 เรื่อง รวมถึงเงินสกุลดิจิทัลด้วย และคาดว่าในอนาคตอัตราการคืนเงินจะสูงขึ้นอีกหากระบบการสืบสวนถูกพัฒนาให้รวดเร็วกว่านี้
ปัจจุบันอินเดียและญี่ปุ่นเป็นสองประเทศแรกที่เริ่มทำงานร่วมกันกับศูนย์ฯ ด้วยระบบออนไลน์ และจะมีประเทศอื่นๆ ตามมา เช่น จีนและสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่มีปัญหาเครือข่ายสแกมเมอร์ 2 ประเทศหลักๆอย่าง เมียนมาร์และกัมพูชา เมียนมาร์จะเข้าร่วมทำงานกับศูนย์ฯด้วย เนื่องจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่วนมากอยู่ภายใต้การดูแลของชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดน เป็นปัญหาที่ทางรัฐบาลเมียนมาร์ต้องการจัดการเช่นกัน
ขณะที่ประเทศกัมพูชาจะไม่มีการขอความร่วมมือในศูนย์ฯดังกล่าว เนื่องจากว่ากัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือไม่มีการส่งข้อมูลตามที่ประเทศไทยเคยประสานไว้ อีกทั้งกังวลว่าข้อมูลการสืบสวนของคณะทำงานจะรั่วไหล ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว พล.ต.อ.ธัชชัย มอบเงินคืนให้กับผู้เสียหายจำนวนกว่า 1.7 ล้านบาทด้วย
#ศูนย์ปราบคอลเซนเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ
Cr:POLICE TV.