‘รมว.เกษตรฯ’ เตรียมเจรจาจีน รับมือมาตรการสุ่มตรวจสารซัลเฟอร์ลำไยไทยเพิ่ม
เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ตอบกระทู้ถามสดของ น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี พรรคประชาชน ถึงกรณีที่ประเทศจีนได้ตรวจพบสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) หรือกำมะถันในลำไยของไทยเกินค่ามาตรฐาน 50 ppm และถูกตีกลับมา ว่า ขั้นตอนการสุ่มตรวจสารในลำไยที่ น.ส.ญาณธิชา ได้ถามมานั้น ตนได้รับแจ้งจากทางทูตเกษตรทั้ง 2 ท่านที่ประจำอยู่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนแล้วว่า ทางการจีนอาจจะมีการปรับเปลี่ยนการสุ่มตรวจ จากค่ามาตรฐานที่กำหนดในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับสินค้าผลไม้เมืองร้อนที่ส่งออกจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ราชอาณาจักรไทย และกระทรวงควบคุมคุณภาพและตรวจสอบกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้ลงนามเมื่อปี พ.ศ.2547 ว่า สารซัลเฟอร์ในลำไย ที่เนื้อไม่เกิน 50 mg/kg แต่อาจจะมีแนวโน้มที่จะมีการยกระดับมาตรฐานมีการกำหนดค่าสารซัลเฟอร์ทั้งผลแทนการตรวจเฉพาะเนื้อไม่เกิน 50 mg/kg พูดง่าย ๆ คือ ตรวจทั้งเนื้อและเปลือก
นายอรรถกร กล่าวต่อว่า ในขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว และยังไม่มีหนังสือชี้แจงใด ๆ มาจากทางการจีน ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่เราจะเร่งเจรจาขอผ่อนปรนมาตรการดังกล่าว เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการได้มีระยะเวลาในการปรับตัว โดยเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 68 ตนได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการค้าต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กรมวิชาการเกษตร เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบหากมีมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นจริง
"ผมต้องทําให้กระทรวงเกษตรฯ เป็นที่พึ่งของเกษตรกรไทย และทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ให้เกษตรกร ขณะนี้ เราได้ทํานัดเรื่องเวลาในการที่จะเข้าไปพบกับจีนแล้ว ซึ่งผมเชื่อว่า ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีของประเทศเรากับประเทศจีนที่เรามีการค้าการขายดั่งพี่ดั่งน้องมาตลอด จะสามารถพูดคุยทางการค้าเพื่อหาข้อสรุปถึงการเปลี่ยนแปลงมาตรการสุ่มตรวจในลำไยที่จะเกิดขึ้นได้ และถ้าได้ผลอย่างไร ผมจะนํามาแจ้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เร็วที่สุด" รมว.เกษตรฯ กล่าว
นายอรรถกร กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาในสมัยที่ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ช่วงนั้นเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนก็เผชิญกับการสุ่มตรวจสาร BY2 ในทุเรียนไทยที่ส่งไปขายที่จีนจะต้องผ่านเกณฑ์ตามที่จีนกำหนดมา ในขณะนั้นกระทรวงเกษตรฯ ก็มีการเตรียมความพร้อมและรับมือจนสามารถผ่านสถานการณ์นั้นมาได้ ซึ่งการสุ่มตรวจสารในลำไยครั้งนี้ก็เช่นกัน ตนเชื่อว่า กระทรวงเกษตรฯ มีประสบการณ์ในการรับมือ และจะทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบน้อยมากที่สุด
นายอรรถกร กล่าวถึงสถานการณ์ลำไยในภาคตะวันออกที่จะมีผลผลิตออกมาอีกกว่า 30,000 ตันภายใน 2-3 เดือนนี้ว่า ตนเชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้ทราบถึงปัญหานี้ดีและก็คงจะไม่ปล่อยให้พี่น้องชาวสวนลําไยต้องเดินเดียวดาย และถ้าจําเป็นที่จะต้องใช้เงินงบประมาณ ตนเชื่อว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี จะนํางบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชนมาใช้ในส่วนนี้ เพื่อที่จะดูแลแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวสวนลําไย.