รถยนต์ไฟฟ้าจีน ขยายช่องทางส่งออก มาตรการ EV3 ผลิตคืนเงื่อนไขเข้ม
โครงการนี้ เกี่ยวเนื่องกับหลายภาคส่วน เพราะต้องตั้งเบิกเงินหลวงออกมาใช้อุดหนุนผู้ซื้อ EV ไม่รวมกับสิทธิ์ประโยชน์ทางด้านภาษีที่รัฐยอมขาดรายได้ ขณะที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ มีโจทย์ใหญ่ที่ต้องทำตามเงื่อนไขผลิตคืน หลังจากนำเข้ามาก่อนหน้านี้
สำหรับผู้เข้าร่วมมาตรการ EV3 จะต้องเริ่มผลิตคืนตั้งแต่ปี 2567 ในอัตรา 1:1 คัน (นำเข้า 1 คัน ผลิตชดเชยในประเทศ 1 คัน) และหากขยับไปเป็นปี 2568 จะต้องผลิตเพิ่มเป็น 1:1.5 คัน โดยสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย คาดว่าภายใต้ EV3 บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ต้องผลิตชดเชยรวมกันกว่า 100,000 คัน
อย่างไรก็ตาม ถ้าประเมินแล้วว่าไม่สามารถทำได้ทัน ภาครัฐออกมาตรการยืดหยุ่น เช่น โยกไปอยู่มาตรการ EV3.5 แต่เงื่อนไขการผลิตคืนหนักขึ้น และสิทธิประโยชน์ลดลง
หลายค่ายรถจีน พยายามวางแผนอย่างรัดกุม หลังจากโรงงานผลิตพร้อม เช่น บีวายดี เอ็มจี และเกรท วอลล์ มอเตอร์ ทว่าผลิตออกมาแล้ว ตลาดในประเทศจะมีดีมานด์รองรับขนาดไหน ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจซบเซา และการแข่งขันที่ดุเดือด
ดังนั้น ตลาดส่งออกจึงเป็นช่องทางสำคัญ แม้ในช่วงแรกอาจจะต้องเจออุปสรรค การดำเนินงานอาจจะไม่สะดวก เมื่อเทียบกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่ลงหลักปักฐานในไทยมาเกิน 50 ปี
ล่าสุด บีวายดี ยักษ์ใหญ่จากจีน ประกาศส่งออกรถโมเดลแรกที่ผลิตจากโรงงานบีวายดี ออโต้ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จ.ระยอง ช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้
โรงงานบีวายดี จ.ระยอง เปิดสายการผลิตในเดือนกรกฎาคม 2567 ปัจจุบันขึ้นไลน์ประกอบ EV รุ่น BYD DOLPHIN, BYD ATTO 3 เอสยูวีปลั๊ก-อินไฮบริด BYD SEALION 6 DM-i,Seal 05 DM-i วางแผนให้ไทยเป็นฐานการผลิตพวงมาลัยซ้ายและขวา เพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออก ด้วยกำลังการผลิตเต็มที่ 150,000 คัน/ปี
โดยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่เตรียมส่งออกคือ BYD Dolphin วางแผนลงเรือ Ro-Ro จากท่าเรือแหลมฉบัง ส่งออกไปยุโรป ทั้งนี้ บีวายดี ยังเตรียมส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ไปยังประเทศในอาเซียนด้วย
ขณะที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เริ่มส่งออก ORA Good Cat ไปยังบราซิล (พวงมาลัยซ้าย) ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นการผลิตชดเชยตามมาตรการ EV3 และเกี่ยวเนื่องกับการจ่ายเงินอุดหนุน (ค่ายรถนำเข้ามาขายก่อน แล้วทยอยเบิกเงินอุดหนุน) แต่จากกรณี เนต้า ออโต้ ที่มีปัญหาในการดำเนินธุรกิจทั้งในจีน และไทย โดยโรงงานผลิตบางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี ที่เนต้า ว่าจ้างได้ยุติการผลิตแล้ว จึงไม่สามารถทำตามเงื่อนไขของภาครัฐได้ (แต่ภาครัฐจ่ายเงินอุดหนุน ให้เนต้า ไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท)
จากบทเรียนนี้ ส่งผลให้บอร์ดอีวี ต้องออกมาปรับเกณฑ์จ่ายเงินอุดหนุนในมาตรการ EV3 และ EV3.5 ใหม่ อย่างผู้เข้าร่วม EV3 ที่ไม่ขยายเวลาผลิตชดเชย (สิ้นสุดสิ้นปี 2568) ให้จัดทำแผนคาดการณ์การผลิตชดเชย และรายงานผลเป็นรายเดือน
นอกจากนี้ กรมสรรพสามิต จะยับยั้งการจ่ายเงินอุดหนุน จนกว่าจะผลิตชดเชยสะสมได้ตั้งแต่ 50% ของจำนวนที่ต้องผลิตชดเชยทั้งหมด และค่ายรถเข้าร่วมมาตรการ EV3 ที่ขยายเวลา ต้องวาง Bank Guarantee จำนวน 20 ล้านบาท สำหรับบริษัททุนจดทะเบียนมากกว่า 5,000 ล้านบาท และ 40 ล้านบาท สำหรับบริษัททุนจดทะเบียนต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
เหนืออื่นใด ยังเปิดออพชันพิเศษสำหรับรถที่ผลิตเพื่อส่งออก 1 คัน ให้นับเป็นการผลิตชดเชย 1.5 คัน ซึ่งถือเป็นทางออกที่ยืดหยุ่น และจูงใจให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ หาตลาดส่งออกมารองรับ ซึ่งจะปูทางสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของไทยในระยะยาว
ด้านยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า EV ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.68) จำนวน 56,529 คัน เพิ่มขึ้น 54.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คาดว่าทั้งปีมีโอกาสไปถึง 1 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่ทำได้ 7 หมื่นคัน