นักวิทยาศาสตร์เตือน ‘นักท่องเที่ยว-โครงการวิจัย’ กำลังทำลายแอนตาร์กติกา
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงซานติอาโก ประเทศชิลี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ว่าทีมนักวิจัยนานาชาติระบุในการศึกษาครั้งใหม่ว่า พื้นที่แอนตาร์กติกามีความเข้มข้นของอนุภาคขนาดเล็กที่มีโลหะหนัก ในจำนวนที่สูงกว่าเมื่อ 40 ปีก่อนถึง 10 เท่า เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 20,000 คน เป็น 120,000 คนต่อปี ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ตามข้อมูลของสมาคมผู้ประกอบการทัวร์แอนตาร์กติกนานาชาติ
การศึกษาดังกล่าวซึ่งได้รับการเผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ด้านความยั่งยืน ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนมนุษย์ในทวีปแอนตาร์กติกา สร้างความกังวลเกี่ยวกับมลพิษจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงมลพิษจากเรือ เครื่องบิน ยานพาหนะ และโครงสร้างพื้นฐาน
เรือที่บรรทุกนักท่องเที่ยวใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลสกปรก ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดอนุภาคขนาดเล็ก ที่มีส่วนประกอบของสิ่งต่าง ๆ เช่น นิกเกิล ทองแดง สังกะสี และตะกั่ว
นายราอูล คอร์เดโร ผู้ร่วมเขียนงานวิจัยกล่าวว่า หิมะละลายเร็วขึ้นในแอนตาร์กติกา เนื่องจากมีอนุภาคมลพิษ ในบริเวณที่นักท่องเที่ยวรวมตัวกัน ขณะที่นักท่องเที่ยวเพียงคนเดียว มีส่วนช่วยเร่งการละลายของหิมะประมาณ 100 ตัน
นักวิจัยจากประเทศต่าง ๆ รวมถึงชิลีและเยอรมนี ใช้เวลา 4 ปี เพื่อเดินทางกว่า 1,200 ไมล์ หรือราว 2,000 กิโลเมตรในแอนตาร์กติกา เพื่อตรวจวัดการปนเปื้อน และพบว่า ปริมาณโลหะหนักยังเพิ่มขึ้นจากการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะโครงการวิจัยที่ดำเนินการเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลกระทบมากกว่านักท่องเที่ยวเพียงคนเดียวถึง 10 เท่า.
เครดิตภาพ : AFP