โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

หุ้นโลก (all time) Hi หุ้นไทย (long time) Lo

Finnomena

เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Dr.Niwes Hemvachiravarakorn

หุ้นโลก ซึ่งดัชนีหลัก ๆ ก็คือ S&P500 Nasdaq และดัชนี Dow Jones ต่างก็ปรับตัวขึ้นจน “สูงสุดในประวัติศาสตร์” หรือใกล้จุดสูงสุดในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และก็เช่นเดียวกับหุ้นในหลาย ๆ ตลาดที่นักลงทุนติดตามกันเช่น ญี่ปุ่นหรือแม้แต่จีนฮ่องกงเอง ที่อดีตเคยซบเซาเงียบเหงามานาน ในระยะเร็ว ๆ นี้ ดัชนีหุ้นก็วิ่งขึ้นเร็วสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักลงทุนทั่วโลก

ตรงกันข้ามกับหุ้นไทยที่ย่ำแย่มานานนับ 10 ปี และปีนี้ก็ยังแย่อยู่ และก็แย่มากขึ้นไปอีก โดยที่คนก็โทษภาษีการค้าของทรัมป์ราวกับว่าประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ถูกกระทบหนัก เพราะความเป็นจริงก็คือ แทบทุกประเทศ ทั้งที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาต่างก็โดนเหมือนกัน แต่ตลาดหุ้นของพวกเขาก็ยังทำผลงานได้ดีมากแบบ “ผิดคาด” ทำไมตลาดหุ้นไทยจึงแทบจะเป็นตลาดหุ้นเดียวที่แย่ และนับจากต้นปีเราก็เป็นตลาดที่ “ตกมากที่สุด” ในบรรดาตลาดหุ้นหลัก ๆ ของย่านนี้

บางทีปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยแย่และตลาดหุ้นอื่นดีนั้น อาจจะเป็นเรื่องอื่นมากกว่า และก็อาจจะเป็นปัจจัยระยะยาวที่ดำเนินมานานพอสมควรแล้วและก็กระทบและมีผลต่อตลาดหุ้นมาตลอด เรื่องสงครามการค้านั้น อาจจะไม่ได้มีผลมากอย่างที่คิด และถึงจะมีก็อาจจะน้อยกว่าเรื่องของเทคโนโลยีโดยเฉพาะด้าน AI ที่อาจจะก่อให้เกิดผลดีต่อตลาดหุ้นที่สามารถลบล้างผลเสียของสงครามการค้าได้ โดยเฉพาะในประเทศที่มีความสามารถหรือความคิดสร้างสรรค์ในการใช้เทคโนโลยีสูง

ผมเองไม่มีคำตอบที่ถูกต้องว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็จะใช้ ประวัติศาสตร์ของดัชนีตลาดหุ้นของประเทศหรือตลาดหลัก ๆ มาอธิบายเท่าที่จะทำได้ โดยการมองย้อนหลังกลับไปเป็นระยะ ๆ คือ 10 ปี 5 ปี และจากต้นปีถึงวันนี้ประมาณ 6-7 เดือน ตามลำดับ

ตลาดหุ้นที่ดีที่สุดมองย้อนหลังไป 10 ปี ก็คือ Nasdaq ที่ประกอบไปด้วยหุ้นดิจิทัลไฮเทคและแน่นอน AI ที่โดดเด่นที่สุดของโลก ดัชนีแนสแด็กในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้นปรับตัวขึ้น 3 เท่าหรือ 300% คิดเป็นผลตอบแทนทบต้น 16.1% ในเวลาติดต่อกัน 10 ปี หุ้น 7 นางฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในดัชนีนั้นเติบโตยิ่งกว่ามาก หุ้นอย่าง NVIDIA น่าจะเติบโตเป็น 100 เท่า และกลายเป็นหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลาเพียงไม่กี่ปี

มองย้อนหลังไป 5 ปี ดัชนีแนสแด็กก็โตขึ้น 95.5% หรือคิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 14.9% ซึ่งก็ยังแสดงให้เห็นว่า ดัชนีก็ยังเติบโตเร็วอยู่ทั้ง ๆ ที่ ขนาดของบริษัทหรือหุ้นนั้นใหญ่มาก “คับโลก” อยู่แล้ว

จากสิ้นปีที่แล้วหรือต้นปีถึงวันนี้ มีช่วงที่ดัชนีตกลงมาแรงในช่วงต้นปีที่เกิดการประกาศสงครามการค้าของทรัมป์ทำให้ดัชนีตกลงมาแรงกว่า 10% และคนคิดว่า “หมดยุคหุ้นบูม” ที่ดำเนินมายาวนานแล้ว แต่หลังจากนั้น ดัชนีก็ปรับตัวขึ้นมาใหม่และสูงขึ้นไปกว่าเดิมที่เคยเป็นจุดสูงสุด นับจากต้นปี ดัชนีปรับตัวขึ้นประมาณ 3.2% และตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความคึกคัก สถิติต่าง ๆ ถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง

ดัชนีหุ้น S&P 500 ซึ่งเป็นตัวแทนโดยรวมของเศรษฐกิจอเมริกันเองนั้น ดูเหมือนจะชี้ว่าอเมริกายังคงแข็งแกร่งและเป็นผู้นำโลกมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เหมือนอย่างที่ทรัมป์พูดว่า“Make America Great Again” ซึ่งแฝงนัยว่าอเมริกาแย่และจะต้องฟื้นฟูอเมริกาโดยการตั้งกำแพงกันผู้อพยพและสินค้าเข้าประเทศอย่างบ้าคลั่ง

ดัชนี S&P ปรับตัวขึ้นถึง 218% ในเวลา 10 ปี คิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 12.3% ตลอด 10 ปี และในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ดัชนีให้ผลตอบแทนไม่รวมปันผลถึง 73.5% หรือคิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 11.7% ลดลงเพียงเล็กน้อยแต่ก็ยังถือว่ายอดเยี่ยมเมื่อคำนึงถึงขนาด Market Cap. ที่ใหญ่ขึ้นมาก คือมูลค่าตลาดใหญ่เกินกว่า 2 เท่าของรายได้ประชาชาติของสหรัฐไปแล้ว ในขณะที่บัฟเฟตต์เองเคยบอกว่า ถ้ามูลค่าสูงเท่ากับ GDP ก็ถือว่าตลาดหุ้นแพงเกินไปแล้ว

ตั้งแต่ต้นปี S&P ก็เช่นเดียวกับ Nasdaq ที่มีช่วงตกใจดัชนีลดลงจากเรื่องภาษีทรัมป์ แต่ขณะนี้บวกไปแล้วจากสิ้นปีที่แล้วประมาณ 7% และนำโดยหุ้นเทคขนาดยักษ์อย่าง NVIDIA เป็นต้น

จากสหรัฐ ผมอยากกลับมาที่ประเทศกำลังพัฒนาที่กำลัง ถูกปั้นให้เป็น“The New Great Economy” นั่นคือ อินเดีย และ เวียดนาม ซึ่งผมคิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนจากประเทศที่จนมากและแทบไม่มีความสำคัญ กลายเป็นประเทศที่ผู้นำระดับโลกต้องมาเยี่ยมเยียน เจรจา และ “เกรงใจ” เมื่อจะทำอะไรที่กระทบกับ 2 ประเทศนี้

ดัชนีหุ้นอินเดียในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นเกือบ 200% เป็น 3 เท่า หรือคิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 11.6% ไม่รวมปันผล และในช่วง 5 ปีหลัง ดัชนีเติบโตขึ้นถึง 125.8% หรือเท่ากับ 17.7% ต่อปีแบบทบต้นซึ่งสูงยิ่งกว่าดัชนีแนสแด็กที่ว่าสูงมากเสียอีก และนั่นทำให้ตลาดหุ้นอินเดียที่คนไทยแทบไม่รู้จักเมื่อ 5-6 ปีก่อน กลายเป็นตลาดที่นักลงทุนไทยสนใจมากขึ้นมาก ผลงานนับจากต้นปีนี้ก็ยังทำได้ดีคือบวกประมาณ 5-6%

ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้น 135% หรือให้ผลตอบแทนทบต้นปีละ 8.9% แบบทบต้นไม่รวมปันผล ในช่วง 5 ปี ดัชนีปรับตัวขึ้น 67.6% หรือให้ผลตอบแทน 10.9% ซึ่งก็ต้องถือว่าค่อนข้างดีทีเดียวเมื่อคำนึงถึงว่าเวียดนามยังเป็นตลาด “Frontier Market” ที่สถาบันนักลงทุนขนาดใหญ่ของต่างชาติยังไม่สามารถเข้ามาลงทุนได้

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตลาดหุ้นเวียดนามจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ดัชนีหุ้นตั้งแต่ต้นปีมาถึงวันนี้ปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 15% สูงที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง โดยเฉพาะหลังจากที่ตกลงดีลการค้ากับอเมริกาได้สำเร็จ

ตลาดหุ้นฮั่งเส็งซึ่งผมใช้เป็นตัวแทนของตลาดหุ้นจีนนั้น ดูเหมือนว่าจะคล้ายตลาดหุ้นไทยที่สุดในแง่ที่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองที่ทำให้ประเทศถอยหลังกลับไปในด้านของความเป็นเสรีทางเศรษฐกิจและการเมืองตั้งแต่เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ดัชนีฮั่งเส็งลดลงมาประมาณ 25% ในเวลา 10 ปีหรือลดลงเฉลี่ยปีละ 2.8% แบบทบต้น หรือเรียกว่าเป็น“Loss Decade”

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดัชนีก็ยังลดลงประมาณ 10% หรือลดลงปีละ 2.1% แบบทบต้น อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ดูเหมือนว่าจะมีการปรับในเรื่องของการเมืองและเศรษฐกิจในช่วงเร็ว ๆ นี้ของรัฐบาล ดัชนีฮั่งเส็งก็เริ่มดีขึ้นมากทั้ง ๆ ที่สงครามการค้ารุนแรงและอนาคตของเศรษฐกิจจีนก็ยังไม่สดใส ดัชนีตั้งแต่ต้นปีได้ปรับตัวขึ้นถึง 12.9% เราคงต้องจับตาดูต่อไปว่าจีนกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างจริงจังมากน้อยแค่ไหน

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นเคยตกต่ำเป็น Loss Decade มาไม่น้อยกว่า 10-20 ปี แต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ด้วยการปฎิรูปอย่างสำคัญของชินโสะอาเบะนายกรัฐมนตรี ได้ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีความหวังและพร้อมกลับมามีบทบาทมากขึ้นในโลก

ดัชนีนิกเกอิปรับตัวเพิ่มขึ้น 126% ในเวลา 10 ปีคิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 8.5% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แทบไม่ได้ดอกเบี้ยเลยเป็นเวลาสิบ ๆ ปีติดต่อกัน ผลตอบแทน 5 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 65% หรือคิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 10.6% ซึ่งก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสุดท้าย ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันก็ยังเสมอตัวแม้ว่าต้องเผชิญกับภาษีทรัมป์

กล่าวโดยสรุปแล้วก็ต้องถือว่าตลาดญี่ปุ่นน่าจะสะท้อนว่าญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะ “Loss Decades” แล้วอย่างสมบูรณ์จากการที่สามารถปฏิรูปเศรษฐกิจที่หยุดยั้งการถดถอยของ GDP ที่เคยดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องยาวนาน

สุดท้ายก็คือ ตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมา 10 ปี ดัชนีลดลงต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่มีปัญหาทางการเมืองซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้และเกิดการรัฐประหารซึ่งทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการที่ประชากรแก่ตัวลงและขาดการพัฒนาการศึกษาและเทคโนโลยี ผลก็คือ ดัชนีช่วง 10 ปีที่ผ่านมาลดลง 22% หรือคิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ -2.5%

ในขณะที่มองย้อนหลัง 5 ปี ดัชนีลดลง 15.6% คิดเป็นผลตอบแทนทบต้น -3.3% ในช่วงเวลาติดต่อกัน 5 ปี และถ้ามองจากต้นปีถึงวันนี้ ดัชนีก็ติดลบไปแล้วถึง 19.9% แย่ที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง

ภาพของประเทศไทยและตลาดหุ้นไทยถึงวันนี้ก็คือ เราอยู่ในภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่เรียกว่า “Loss Decade” หรือ “ทศวรรษที่หายไป” ที่ยังอาจจะไม่หมดและยังไม่เห็นวี่แววว่าจะฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันสั้นแบบของจีนหรือญี่ปุ่น

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Finnomena

สร้างโอกาสที่แตกต่างใน Unconventional Assets สินทรัพย์นอกกรอบ ช่วยลดความผันผวน

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

อเมริกาเก็บภาษีนำเข้าทะลุ 100,000 ล้านดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

NETBAY สปีดครึ่งปีหลัง ดัน 3 แพลตฟอร์มหลัก ขยายฐานลูกค้า-ร่วมมือปปง. เชื่อมระบบตรวจสอบ

ข่าวหุ้นธุรกิจ

"อทิส-อมริท" นวัตกรรมสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน ตั้งเป้าโต 250%

สยามรัฐ

อัปเดตราคาน้ำมันวันพรุ่งนี้ 15 ก.ค. เช็กราคาเบนซิน-ดีเซล-โซฮอล์ ล่าสุดที่นี่

The Bangkok Insight

บอร์ด TMI ไฟเขียวซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 5 ลบ.ช่วง 1 ส.ค.68-31 ม.ค.69

ทันหุ้น

สรรพสามิตจ่อปรับ ‘เนต้า’ 2 เท่า ค่ายรถผลิตไม่ครบเงื่อนไข EV3.0 กว่า 1.9 หมื่นคัน

กรุงเทพธุรกิจ

BIZคว้างานครุภัณฑ์ทางการแพทย์ รพ.5แห่ง มูลค่า 858 ล้านบาท

ทันหุ้น

ท่องเที่ยวฯ เลื่อนเก็บ ‘ค่าเหยียบแผ่นดิน’ ไปก่อน รอจังหวะเหมาะ ขอศึกษาเพิ่ม คาดเริ่มเก็บกลางปี 69

กรุงเทพธุรกิจ

EA นัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ EA257A โหวตขยายไถ่ถอนเหลือ 5 ปี 18 ก.ค.นี้

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

สร้างโอกาสที่แตกต่างใน Unconventional Assets สินทรัพย์นอกกรอบ ช่วยลดความผันผวน

Finnomena

รีวิว ASP-DIGIBLOC ไขรหัสอนาคต ปลดล็อกโอกาสลงทุนในนวัตกรรมบล็อกเชน

Finnomena

รู้จักดัชนีหุ้นไทย โอกาสลงทุนง่าย ๆ ผ่าน Passive Fund

Finnomena
ดูเพิ่ม
Loading...