ก.ค.ศ. หนุน ปรับอัตราครูเกินเกณฑ์ ทำธุรการ หวัง ลดภาระงานครู
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 นายธนู ขวัญเดช เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐมนตรีฯ ได้มอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.ศ. หาแนวทางลดภาระงานของครู ซึ่งปัจจุบันต้องรับผิดชอบทั้งการสอน และงานอื่น ๆ เช่น งานพัสดุ การเงิน และธุรการ ที่จริงควรเป็นหน้าที่ของตำแหน่งเฉพาะทาง
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เบื้องต้นสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อขอเกลี่ยอัตราครูที่เกินเกณฑ์ มาเปลี่ยนเป็นตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ให้ทำหน้าที่ธุรการในโรงเรียน โดยไม่ต้องเพิ่มอัตรากำลังใหม่ซึ่งจะเป็นภาระงบประมาณของประเทศในอนาคต
ทั้งนี้ จากแนวโน้มอัตราการเกิดที่ลดลง ทำให้มีโรงเรียนขนาดเล็กเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีนักเรียนต่ำกว่า 40 คน ซึ่งมีอยู่กว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ และเมื่อครูในโรงเรียนเหล่านี้เกษียณอายุราชการ ก็ยังได้รับการจัดสรรอัตราใหม่ ส่งผลให้ครูเกินเกณฑ์ในหลายพื้นที่
ด้าน นายธนู กล่าวต่อว่า เบื้องต้นจะนำอัตราครูที่เกินเกณฑ์จากโรงเรียนเหล่านี้ มาเปลี่ยนเป็นตำแหน่ง 38 ค.(2) เพื่อทำหน้าที่ธุรการ แต่ยอมรับว่ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากปัจจุบันมีโรงเรียนในสังกัด สพฐ. รวมประมาณ 30,000 แห่ง โดยเป็นโรงเรียนขนาดเล็กกว่า 20,000 แห่ง
โดยแนวทางดังกล่าวจะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปในแต่ละปี และยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะสามารถเปลี่ยนอัตราเป็นตำแหน่ง 38 ค.(2) ได้จำนวนเท่าใด แต่ยืนยันว่า ผู้ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนตำแหน่งจะมีสิทธิ์และสถานะเทียบเท่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
นอกจากนี้ นายธนูยังกล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำรวจจำนวนอัตราครูที่เกินเกณฑ์ เพื่อพิจารณาว่าสามารถเกลี่ยไปเป็นตำแหน่งธุรการในโรงเรียนกลุ่มใดได้บ้าง โดยไม่ต้องรอการเกษียณอายุของข้าราชการ
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางเดิมที่ สพฐ. ให้โรงเรียนขนาดเล็กรวมกลุ่มและใช้ธุรการร่วมกัน แม้จะมีการดำเนินการไปบ้างแล้ว แต่จากการรับฟังเสียงสะท้อนของผู้อำนวยการโรงเรียนหลายแห่ง โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็ก พบว่า การรวมกลุ่มใช้ธุรการร่วมกันสร้างความไม่สะดวก หลายโรงเรียนจึงต้องการมีธุรการประจำโรงเรียนของตนเอง