คนดังเพียบ! DSI แฉ AI เปิดโปง ‘ฮั้วเลือก สว.67’ พร้อมกางเส้นทางเงิน
กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา(สว.) รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน ได้ทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ลงพื้นที่จริงและจำลองเหตุการณ์ ณ อิมแพ็ค ฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
จับตา! DSI ลุยสอบ 7 พยานลอตแรกคดีฮั้วสว. ลุ้นขยายผลเอี่ยวนักการเมือง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. มีรายงานว่า ภายหลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ใช้ระบบ AI ดำเนินการตรวจสอบเรื่องการลงคะแนนเลือก สว. ระดับประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการใช้ AI ดึงข้อมูลออกมาจากวิดีโอของ กกต. เพื่อให้เห็นภาพการลงคะแนนทั้งหมด และนำผลคะแนนที่ได้ไปให้นักวิชาการด้านคณิตศาสตร์วิเคราะห์ความน่าจะเป็น รวมถึงจัดทำตารางข้อมูลเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานสำคัญต่อการสืบสวนและไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ของ กกต. (ชุด7 อรหันต์) และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 (หรือคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน)
ล่าสุด จากการเปิดหีบการเลือกสว. รอบบ่าย เลือกไขว้ พบในส่วนของสาย “ง” มีตัวอย่างความผิดปกติชัดเจน เช่น ในกลุ่ม 14 สตรี มีผู้สมัครรายหนึ่งที่ตกรอบเช้าไปแล้ว แต่พอรอบบ่ายกลับยังมีคนโหวตให้ตามโพย โดยขาดการพิจารณาไตร่ตรอง เพราะยึดตามโพยเพียงอย่างเดียว ไม่เงยหน้ามาดูผู้สมัคร อย่างไรก็ตาม จากภาพถ่ายที่ระบบ AI ตรวจพบของรอบบ่าย ปรากฏว่ามีคนเลือกผู้สมัครรายดังกล่าว ซึ่งตกรอบเช้าไปแล้ว รวม 10 ใบ โดยเป็นการลงคะแนนจากกลุ่มน้ำเงิน 9 ใบ และนอกกลุ่มน้ำเงิน 1 ใบ นอกจากนี้ ยังพบชื่อของบุคคลในสาย “ง” ดังกล่าวที่มีหลักฐานเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงอีกหลายรายด้วย
ขณะที่การเปิดหีบรอบเช้า ซึ่งเป็นการเลือกกันเองในกลุ่ม ทุกบัตรลงคะแนนอ้างอิงภาพถ่ายที่ AI จับได้ โดยลำดับบัตรใหม่สามารถตรวจจับบุคคลที่มีพฤติกรรมเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงในทุกกลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่ม 1 การบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง มี 25 ราย, กลุ่ม 2 กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มี 35 ราย, กลุ่ม 3 การศึกษา มี 36 ราย, กลุ่ม 4 การสาธารณสุข มี 37 ราย, กลุ่ม 5 ทำนา ทำไร่ มี 27 ราย, กลุ่ม 6 ทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง มี 43 ราย, กลุ่ม 7 ลูกจ้าง ผู้ใช้แรงงานที่ไม่ใช่ข้าราชการ มี 40 ราย, กลุ่ม 8 ด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาฯ และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน มี 24 ราย, กลุ่ม 9 ผู้ประกอบการ SMEs มี 25 ราย, กลุ่ม 10 ผู้ประกอบกิจการอื่นนอกจากกิจการ ตามมาตรา 11 (9) มี 33 ราย
กลุ่ม 11 ด้านการท่องเที่ยว โรงแรม มี 29 ราย, กลุ่ม 12 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม มี 29 ราย, กลุ่ม 13 ผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม มี 40 ราย, กลุ่ม 14 สตรี มี 40 ราย, กลุ่ม 15 ผู้สูงอายุ คนพิการ กลุ่มชาติพันธุ์ มี 33 ราย, กลุ่ม 16 ศิลปะ ดนตรี บันเทิง นักกีฬา มี 39 ราย, กลุ่ม 17 ประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์ มี 33 ราย, กลุ่ม 18 สื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม มี 40 ราย, กลุ่ม 19 ผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ มี 39 ราย และกลุ่ม 20 อื่น ๆ มี 34 ราย
ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรณีอั้งยี่-ฟอกเงิน ยังคงอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในขบวนการจัดฮั้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนายหน้า กลุ่มชาวบ้าน กลุ่มพลีชีพ กลุ่มโหวตเตอร์ กลุ่ม สว. กลุ่มนายทุน และเมื่อพยานหลักฐานปรากฏ พนักงานสอบสวนจะพิจารณาออกเรียกพยานเพื่อสอบสวนปากคำให้บุคคลได้เข้ามาชี้แจงถึงกรณีการโอนเงินหรือรับโอนเงินดังกล่าว ก่อนพิจารณาสรุปในส่วนของผู้ต้องหาที่จะถูกดำเนินคดีตามลำดับต่อไป
ซึ่งล่าสุดคณะพนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียกพยานลอตแรก จำนวน 7 ราย เข้าสอบสวนปากคำในวันที่ 1 ก.ค. ชี้แจงกรณีมีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับขบวนการจัดฮั้ว โดยมีบทบาทเป็นทั้งโหวตเตอร์และหาคนมาลงสมัคร สว. เกี่ยวพันในพื้นที่ 3 ภาคของไทย คือ ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และใต้ .