โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

KTB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้

ทันหุ้น

อัพเดต 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

#ทันหุ้น - นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.65 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.62 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.57-32.66 บาทต่อดอลลาร์)

สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน หรือ Sideways ของทั้งเงินดอลลาร์และราคาทองคำ โดยผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งจะทยอยรับรู้ในสัปดาห์นี้ รวมถึงประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่กำลังอยู่ในช่วงการพิจารณาร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณ (One Big Beautiful Bill Act) โดยสภาคองเกรส และที่สำคัญ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอติดตามแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะรับคำร้อง “ถอดถอนนายกรัฐมนตรี” ไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่

สัปดาห์ที่ผ่านมา มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทยอยคลี่คลายลง ได้กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอลุ้น รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ พร้อมติดตาม สถานการณ์การเมืองของไทย และพัฒนาการการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อาทิ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ในเดือนมิถุนายน และยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) ในเดือนพฤษภาคม โดยภาวะการจ้างงานของสหรัฐฯ จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (ISM Manufacturing & Services PMIs) เดือนมิถุนายน พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด Jerome Powell เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า เฟดมีโอกาสราว 57% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้ง ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของเฟด (Dot Plot) ในการประชุม FOMC เดือนมิถุนายน ที่เฟดมองว่า อาจลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้ง ในปีนี้ และนอกเหนือปัจจัยข้างต้น เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า รวมถึงการพิจารณาร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณ (One Big Beautiful Bill Act) โดยสภาคองเกรส

▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB และรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนมิถุนายน รวมถึง รายงานอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectations) โดย ECB นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เพื่อประเมินทิศทางการปรับดอกเบี้ยนโยบายของ BOE ด้วยเช่นกัน

▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ในเดือนมิถุนายน (Official & Caixin Manufacturing and Services PMIs) ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลสำรวจภาวะธุรกิจในไตรมาสที่ 2 โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ Tankan Survey) ที่จะช่วยสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งเศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญความไม่แน่นอนจากทั้งนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์

▪ ฝั่งไทย –สถานการณ์การเมืองจะเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการพิจารณาว่า จะรับคำร้อง “ถอดถอนนายกรัฐมนตรี” ไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ โดยหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องดังกล่าว ก็อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและการเมืองไทยเผชิญความวุ่นวายอีกครั้ง ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม และดัชนี PMI ภาคการผลิต รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Business Sentiment Index) ในเดือนมิถุนายน

สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เรามองว่า แม้โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทยังมีกำลังอยู่ ทว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาอาจชะลอลง ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงการเมืองของไทย ที่อาจกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้ ในกรณีที่ สถานการณ์การเมืองไทยมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น ซึ่งต้องจับตาว่า ในวันที่ 1 กรกฎาคม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะรับคำร้อง “ถอดถอนนายกรัฐมนตรี” ไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ โดยความวุ่นวายของการเมืองไทยอาจทำให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายสุทธิสินทรัพย์ไทยและลดสถานะถือครองเงินบาท (Long THB) ได้ไม่ยาก ทั้งนี้ แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง จากประเด็นการเมืองในประเทศ ทว่า แนวโน้มเงินบาทยังขึ้นกับปัจจัยภายนอก หรือ Global Factors อย่าง ทิศทางเงินดอลลาร์และราคาทองคำเป็นสำคัญ ทำให้ หากเงินดอลลาร์ไม่ได้กลับมาแข็งค่าขึ้น หรือ ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ก็อาจทำให้เงินบาทไม่สามารถอ่อนค่าไปได้มากนัก โดยเงินบาท (USDTHB) ยังมีโซนแนวต้านแถว 32.65-32.75 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไป 32.90-33.00 บาทต่อดอลลาร์) ส่วนโซนแนวรับจะอยู่แถว 32.30-32.40 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 32.10 บาทต่อดอลลาร์) อนึ่ง เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.80-32.90 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์จะรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้ อาจต้องเห็นรายงานข้อมูลการจ้างงานที่สดใสหรือดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ทว่า เงินดอลลาร์เสี่ยงเผชิญแรงกดดัน หากผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.25-33.00 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.55-32.75 บาท/ดอลลาร์

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews

Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ทันหุ้น

BBL กรุงศรี คาดปันผลต่ำสุดในกลุ่มแบงก์ ประเมินกำไรปีนี้ชะลอตัว

22 นาทีที่แล้ว

UOBAMลุยบอนด์สิงคโปร์ ลงทุน6เดือนรับยิลด์1.35%

59 นาทีที่แล้ว

คปภ.เพิ่มศักยภาพ ผู้ประเมินวินาศภัย รับมือกับภัยพิบัติ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Bitcoin ยืนเหนือ $108,000! จับตาข้อมูลเศรษฐกิจ-พาวเวลล์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

PIMO มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อ ประกาศปิดจ๊อบซื้อหุ้นคืน 24 ล้านหุ้น

StockRadars

ดีป้า ปักหมุดดิจิทัล สกิล โรดแมป หวังสร้างกำลังคนดิจิทัล 1 ล้านคนต่อปี

กรุงเทพธุรกิจ

LHFG เป็นหนึ่งในบริษัท 10 ปี ทำเนียบ ESG100 โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

สยามรัฐ

กรมทรัพย์สินทางปัญญา โชว์ผลสำเร็จนำร่องระบบ GI SMARTTRACE ทุเรียนนนท์

กรุงเทพธุรกิจ

BRI เซ็น MOU กปภ. ใช้อุปกรณ์ “ฉลากประหยัดน้ำ” นำร่อง 7 โครงการคุณภาพ สร้างพื้นที่ต้นแบบการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและยั่งยืน

Wealthy Thai

MASTEC ล่องใต้ประเดิมโรดโชว์ จ.ภูเก็ต เดินหน้าตามแผนเเสนอขายหุ้น 79 ล้านหุ้น พร้อมเข้าเทรดใน SET ปีนี้

Wealthy Thai

ฐิภา นววัฒนทรัพย์ แห่ง YLG รับรางวัล "Thailand Top CEO of The Year 2025"

Wealthy Thai

DMS ผนึก IZOMAX นำเข้าเทคโนโลยี AOGV จากนอร์เวย์ ให้บริการครั้งแรกในSoutheast Asia

Wealthy Thai

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...