ไทยจำเป็นต้องใช้ Gripen ในภารกิจป้องกันประเทศจากกัมพูชาหรือไม่ ?
TNN Tech รวบรวมข้อมูลและหลักนิยมทางทหารของกองทัพอากาศไทย หลังจากที่โซเชียลมีเดียตั้งคำถามว่า ทำไม กองทัพของไทยจึงไม่ใช้ Gripen ในปฏิบัติการโต้ตอบป้องกันอย่างได้สัดส่วน (Proportional defense) กับกัมพูชา
รูปแบบภารกิจเครื่องบินรบกับกัมพูชา
กองทัพภาคที่ 2 และหน่วยงานความมั่นคงระบุว่า ภารกิจของเครื่องบินขับไล่ที่เกิดขึ้นถือเป็นการขัดขวางทางอากาศในพื้นที่การรบ (Battlefield Air Interdiction : BAI)
ตามหลักนิยมของกองทัพอากาศไทย พ.ศ. 2566 ระบุว่า “การขัดขวางทางอากาศเป็นการใช้กำลังทางอากาศ ในการโจมตีเพื่อทำลาย ตัดรอน หน่วงเหนี่ยว และลดขีดความสามารถของกำลังภาคพื้นของฝ่ายข้าศึก”
“โดยปกติแล้วการขัดขวางทางอากาศ จะมุ่งเน้นการโจมตีเป้าหมายในการส่งกำลังบำรุง การสนับสนุน รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวงของฝ่ายข้าศึก ที่อาจนำมาใช้โดยตรงหรือนำมาใช้สำหรับดำเนินกลยุทธ์ในการเสริมกำลังภาคพื้นภายในยุทธบริเวณ” (ยุทธบริเวณแปลว่า พื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ทางทหารสำคัญ เช่น พื้นที่การรบ หรือเป้าหมายการรบ ฯลฯ)
F-16 VS Gripen แบบใดขัดขวางทางอากาศได้ดีกว่า ?
จุดที่ Gripen เหนือกว่า F-16
ในปี 2024 รัฐบาลสวีเดนตัดสินใจที่จะสนับสนุนเครื่องบินขับไล่ Gripen C/D ให้กับยูเครนเพื่อปฏิบัติการทางทหารต่อรัสเซีย ซึ่งในบทวิเคราะห์ของ European Security & Defence สถาบันและนิตยสารด้านความมั่นคงในยุโรป รายงานความเห็นผู้เชี่ยวชาญการบินที่มองว่า Gripen C เหมาะสำหรับภารกิจ BAI มากกว่า F-16 ที่ Block ต่ำกว่า 70
ทั้งนี้ ประเทศไทยมี F-16 ที่ทันสมัยที่สุดคือ F-16 A/B Block 15 MLU ซึ่งประสิทธิภาพเทียบเท่า F-16 Block 50/52
โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่า ระบบอิเล็กทรอนิกส์บน F-16 แบบที่นั่งเดียวในรุ่นที่ต่ำกว่า Block 70 นั้นขาดเทคโนโลยีที่เรียกว่า Autothrottle และ SEP (Specific Excess Power) ซึ่งทำให้เพิ่มภาระนักบินที่ต้องรักษาสมดุลการบินไปพร้อมกับการปล่อยอาวุธโจมตีภาคพื้นดิน ในขณะที่ Gripen C มีระบบคอมพิวเตอร์ช่วยบินมากับตัวเครื่องตั้งแต่แรก จึงลดภาระนักบินระหว่างทำภารกิจสนับสนุนภาคพื้นดินแบบ BAI ได้
จุดที่ F-16 เหนือกว่า Gripen
อย่างไรก็ตาม ลักษณะภารกิจของยูเครนนั้นจำเป็นต้องใช้นักบินเพียงคนเดียวต่อลำ เพื่อเพิ่มจำนวนเครื่องบินขับไล่ในภารกิจ และลดการใช้นักบินที่มีอยู่อย่างจำกัด ต่างจากกรณีของไทยที่ใช้ F-16 B ซึ่งเป็นรุ่นนักบิน 2 คน ที่ตำแหน่งนักบินผู้ช่วยจะทำหน้าที่การสั่งการและใช้อาวุธโจมตีภาคพื้นดินได้โดยไม่เป็นภาระนักบินตำแหน่งที่ 1 อยู่แล้ว
นอกจากนี้ Gripen C/D ยังรองรับอาวุธต่าง ๆ ได้ไม่เกิน 5,300 กิโลกรัม ซึ่งน้อยกว่า F-16 Block ที่รองรับได้มากถึง 7,700 กิโลกรัม จุดติดตั้งอาวุธ (Hardpoint) ของ Gripen C/D มีทั้งหมด 8 จุด F-16 มีด้วยกัน 9 จุด และเนื่องจากทั้งสองรุ่นต่างเป็นเครื่องบินขับไล่ที่ใช้ในกลุ่มสมาชิก NATO จรวด ปืนกลอากาศ และระเบิดต่าง ๆ จึงสามารถใช้งานด้วยกันได้ทั้งหมด
Gripen กับ F-16 ในบริบทไทย - กัมพูชา
แม้ว่าจะไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่การเลือกใช้ Gripen หรือ F-16 จึงขึ้นอยู่กับตัวเลือกเครื่องบิน ประเภทภารกิจ รวมถึงปริมาณและน้ำหนักของอาวุธที่เลือกใช้ ซึ่งการเลือกใช้เครื่องบินรบในภารกิจ BAI ของกองทัพอากาศไทยนั้นเป็นไปตามหลักนิยมและความเหมาะสมของภารกิจที่ได้รับการสั่งการมาแล้ว
ซึ่งหากในอนาคตมีการใช้ Gripen C/D ในภารกิจ BAI ต่อกัมพูชา ก็อาจหมายความว่ากองทัพอากาศและกองทัพบกของไทยพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมเช่นกัน
ที่ตั้ง Gripen และ F-16 ในประเทศไทย
ปัจจุบันกองทัพอากาศแบ่งพื้นที่รับผิดชอบเป็นกองบินต่าง ๆ ซึ่ง F-16 รุ่นที่ทันสมัยที่สุดของประเทศอย่าง F-16 A/B Block 15 eMLU จะอยู่ที่กองบิน 4 ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ส่วน F-16A/B Block 15 ADF และ F-16A/B Block 15 OCU ซึ่งเก่ากว่าจะประจำการอยู่ที่กองบิน 1 นครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
ด้าน Gripen C/D ในปัจจุบันประจำการอยู่ที่กองบิน 7 สุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 11 ลำ พร้อมด้วยเครื่องบินตรวจการณ์ส่วนหน้าแบบ Saab 340 AEW อีก 2 ลำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กัมพูชาก่อ “อาชญากรรมสงคราม” ละเมิดสนธิสัญญาเจนีวาหรือไม่?
- รู้จัก “อนุสัญญาเจนีวา” กัมพูชาโจมตี รพ. ไทย คือการก่ออาชญากรรมสงคราม ?
- ทบ. ย้ำการกระทำที่พุ่งเป้าไปยัง ประชาชน พลเรือน ผู้บริสุทธิ์ มิใช่วิถีของ “นักรบ”
- การกระทำของกัมพูชาเข้าข่าย "อาชญากรรมสงคราม" หรือไม่ ? แบบไหนถึงเข้าข่าย
- เปิดคลังอาวุธกัมพูชา มีอะไรบ้าง ? จำนวนเท่าไหร่ ? และอาวุธแบบใดที่ใช้โจมตีไทยในช่วงที่ผ่านมา