พระพรหมสิทธิสั่งวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เปิดศูนย์อพยพ เร่งช่วยประชาชนหนีภัยปะทะ
พระพรหมสิทธิ กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะภาค 11 กำชับให้เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์เร่งจัดหาวัดที่ปลอดภัยเพื่อรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมเน้นให้วัดนอกพื้นที่เสี่ยงสนับสนุนเต็มกำลังทั้งด้านสถานที่ อาหาร และเครื่องอุปโภคบริโภค
จากสถานการณ์สู้รบระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายแดนในจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพหนีภัย พระพรหมสิทธิได้สั่งการโดยตรงถึงพระธรรมวชิรสุตาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ และพระครูปริยัติกิจธำรง ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ให้ดำเนินการตามแนวทางเร่งด่วนในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดังนี้:
วัดในพื้นที่เสี่ยง – ให้เจ้าคณะอำเภอเฝ้าระวัง ดูแลความปลอดภัยของพระสงฆ์ และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เข้ามาพักพิงในวัด
วัดนอกพื้นที่เสี่ยง – เตรียมพร้อมสถานที่ เช่น ศาลาการเปรียญ ห้องน้ำ และจุดประกอบอาหาร เพื่อรองรับผู้อพยพอย่างมีระบบ
ความร่วมมือกับภาครัฐ – วัด สำนักสงฆ์ และสำนักปฏิบัติธรรมทุกแห่งต้องให้ความร่วมมือเต็มที่หากได้รับการร้องขอจากภาครัฐ
การช่วยเหลือเบื้องต้น – ประชาสัมพันธ์ให้วัดต่างๆ รวบรวมเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อช่วยเหลือศูนย์อพยพในพื้นที่
การสื่อสารภายในคณะสงฆ์ – แจ้งข่าวสารสถานการณ์ปัจจุบันแก่พระสงฆ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความสับสนและไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกในพื้นที่
ทั้งนี้ พระครูปริยัติกิจธำรง รายงานว่า ขณะนี้วัดในพื้นที่ปลอดภัยหลายแห่งในจังหวัดสุรินทร์ได้เปิดเป็นศูนย์อพยพแล้ว พร้อมรับผู้ที่ได้รับผลกระทบเข้าพักอาศัย และดูแลเบื้องต้นตามขีดความสามารถ โดยมีการประสานกับหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด
พระพรหมสิทธิยังเน้นย้ำว่า การเปิดวัดเป็นศูนย์พักพิงถือเป็นบทบาทสำคัญของคณะสงฆ์ในการร่วมรับมือภัยพิบัติ ทั้งในแง่มนุษยธรรมและการประคับประคองจิตใจประชาชนให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตไปได้อย่างมีศรัทธาและปลอดภัย