สาเหตุน้ำท่วมหนักภาคเหนือ ป่าไม้ถูกทำลายหรือแค่ฝนตกเยอะ?
ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับ สาเหตุน้ำท่วมหนักภาคเหนือ เมื่อป่าถูกทำลาย ฝนตกหนัก และเมืองขยายตัว
ช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 หลายจังหวัดในภาคเหนือของไทย เผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในหลายพื้นที่อย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในรอบนี้ มีทั้งปัจจัยจากมนุษย์และธรรมชาติดังนี้
1. ป่าไม้ถูกทำลาย-เขาหัวโล้นขยายตัวต่อเนื่อง
ภาคเหนือเป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่ป่ามากที่สุดของประเทศ โดยในปี 2567 มีสัดส่วนพื้นที่ป่าถึง 63.24% หรือประมาณ 37.9 ล้านไร่ อย่างไรก็ตาม กลับเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการทำลายป่าสูงที่สุดเช่นกัน โดยพื้นที่ป่าลดลงกว่า 171,143 ไร่ จากปี 2565 และลดลงอีก เกือบ 30,000 ไร่ ในปี 2566
หนึ่งในปัญหาสำคัญคือการเปลี่ยนพื้นที่ป่าธรรมชาติเป็นเขาหัวโล้นหรือพื้นที่เกษตรเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะการปลูก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีพื้นที่ปลูกมากกว่า 8 ล้านไร่ ทำให้ขาดต้นไม้ขนาดใหญ่ในการดูดซับน้ำฝนและชะลอการไหลบ่าของน้ำฝนจากภูเขา ผลที่ตามมาคือ น้ำปริมาณมากจะไหลลงสู่ที่ราบในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่มีสิ่งใดชะลอหรือตรึงดินไว้ ทำให้เกิดทั้ง น้ำท่วมฉับพลัน และ ดินโคลนถล่ม
จังหวัดน่านถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด โดยมีพื้นที่เขาหัวโล้นมากถึง 1.8 ล้านไร่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเกิดอุทกภัยบ่อยครั้งในช่วงฤดูฝน
2. ฝนตกหนักผิดปกติ จากร่องมรสุมและภาวะโลกร้อน
อีกหนึ่งสาเหตุหลักของน้ำท่วมครั้งนี้คือ ฝนตกหนักต่อเนื่อง มากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ โดยมีปัจจัยร่วมหลายประการ ได้แก่:
- ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และ สปป.ลาว ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักตลอดแนวร่อง
- ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากอ่าวไทยและทะเลอันดามัน พัดความชื้นจากทะเลเข้าสู่แผ่นดิน เมื่อปะทะกับร่องมรสุม ทำให้เกิดฝนตกหนักซ้ำซาก
- ปรากฏการณ์ โลกร้อน ทำให้ปริมาณไอน้ำในบรรยากาศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เมื่อเกิดฝนตกแต่ละครั้ง ปริมาณฝนเพิ่มขึ้นถึง 5% จากเดิม และมีแนวโน้มตกต่อเนื่องนานหลายชั่วโมงหรือเป็นวัน
ผลกระทบคือระดับน้ำในแม่น้ำและลำคลองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกินกำลังการระบายน้ำของพื้นที่รองรับ โดยเฉพาะหากฝนตกซ้ำหลายรอบโดยไม่มีช่วงพักฟื้น
3. ภาวะลานีญาอ่อน เสริมให้ฝนตกหนักยิ่งขึ้น
ในปีนี้ ไทยอยู่ในช่วงปลายของ ปรากฏการณ์ลานีญาแบบอ่อน (Weak La Niña) ซึ่งแม้ไม่รุนแรงเท่าในอดีต แต่ก็เพียงพอที่จะเสริมให้ฝนตกหนักกว่าค่าเฉลี่ยตามฤดูกาล ส่งผลโดยตรงต่อภาคเหนือที่เป็นแนวปะทะของมวลอากาศชื้น ทำให้มีปริมาณน้ำฝนมากเกินกว่าที่ระบบธรรมชาติจะรองรับไหว
4. เมืองขยายตัว ระบบระบายน้ำไม่มีประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ไม่ควรมองข้ามคือ การขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเขตชุมชนราบลุ่มที่เคยเป็น แหล่งรองรับน้ำตามธรรมชาติ เช่น บึง หนอง หรือพื้นที่ชุ่มน้ำ ถูกถมเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย ถนน และโครงการก่อสร้างต่าง ๆ
ผลที่ตามมาคือ เมื่อฝนตกหนัก น้ำที่ไหลจากภูเขาหรือป่ารอบเมืองจึง ระบายไม่ทัน ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ถนน และสิ่งก่อสร้าง ขณะเดียวกัน ลำน้ำสายหลักและสาขาหลายแห่งก็ ตื้นเขินจากตะกอนและการบุกรุกพื้นที่ลำน้ำ ทำให้ยิ่งระบายน้ำไม่ได้
ลักษณะของน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในภาคเหนือจึงมักเห็นเป็น น้ำแดงขุ่น พัดพาดินโคลนและตะกอนจากเขาลงมาท่วมพื้นที่ราบอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
น้ำท่วมหนักในภาคเหนือปีนี้ไม่ใช่แค่ “ฝนตกเยอะ” อย่างเดียว แต่เกิดจาก การบรรจบกันของหลายปัจจัยทั้งสิ่งแวดล้อม ภูมิอากาศ และมนุษย์ ตั้งแต่การทำลายป่า เขาหัวโล้น ฝนที่ตกหนักผิดปกติจากมรสุมและโลกร้อน ลานีญาที่ซ้ำเติม ไปจนถึงโครงสร้างเมืองที่ไม่เอื้อต่อการระบายน้ำ ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า การแก้ปัญหาในระยะยาวต้อง ฟื้นฟูป่า พัฒนาระบบจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และวางผังเมืองอย่างรอบคอบ เพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นในยุคโลกร้อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กรมชลประทาน ชี้แจงแม่น้ำยม ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจากฝนตกหนักแต่ยังไม่ล้นตลิ่ง
- เตือนสัปดาห์อันตราย 21-28 กรกฎาคมนี้ เตรียมรับมือฝนตกหนัก-ชุมชนหลายพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม
- พยากรณ์อากาศวันนี้ 17 กรกฎาคม 2568 ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย ระวังน้ำท่วมฉับพลัน
- สถานการณ์ฝนสะสม ล่าสุด ปี 2568 คาดการณ์ฝนรายสัปดาห์ ถึง 28 ก.ค. 68
- ลุ้นพายุก่อตัว 20-25 ก.ค.นี้ แนวโน้มจะแรงขึ้น เคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน