“สุชาติ” ลงพื้นที่วัดพระบาทน้ำพุบ่ายวันนี้
วันนี้ (19 สิงหาคม 2568) นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน กรณีวัดพระบาทน้ำพุ ว่า การลาออกของพระอลงกต เมื่อเช้านี้ ตนได้อ่านหนังสือพิมพ์ เห็นว่าไม่ลาออกอีกแล้ว ซึ่งตนก็ยังไม่ได้รับรายงาน เพราะฉะนั้น ยังไม่ยืนยันว่าลาออกหรือไม่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การลาออกหรือไม่ลาออกมีผลอย่างไร นายสุชาติ ระบุว่า ไม่มีผลอะไร เพราะว่าการเป็นเจ้าอาวาส คือ เป็นเจ้าพนักงาน ถึงลาออกไปแล้วหากเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น มีการกระทำความผิดในฐานะเจ้าอาวาสที่ผ่านมาก็ยังถือเป็นเจ้าพนักงานอยู่ การลาออกไม่มีผล เพียงแต่ว่า ได้ข่าวว่าการลาออกเพื่อจะให้การสอบสวนไม่มาขัดขวางให้ทำการสอบสวนให้สะดวกสบายขึ้น
เมื่อถามว่า วันนี้ที่จะไปลงพื้นที่วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรีนั้น นายสุชาติ ถามย้อนสื่อว่า “ครับ เดี๋ยวจะไปลพบุรี ว่างกันไหมล่ะ ว่างก็ไปเที่ยวได้”
ส่วนมีการรายงานจากสำนักพระพุทธศาสานาในพื้นที่ส่งมาบ้างหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ยัง คงจะไปฟังที่นู่น ส่วนใครมีข้อมูลอะไรก็ส่งมาได้ ซึ่งวันนี้ก็มีวัตถุประสงค์จะไปดูความคืบหน้า เพราะยังมีไม่มากเท่าไร โดยเฉพาะมูลนิธิต่าง ๆ ที่ตั้งกัน 4-5 มูลนิธิ ก็มีความสงสัยเหมือนกับที่ผมสัมภาษณ์ไปเมื่อวานว่า เป็นเทคนิคหรือเปล่าที่จะลบการบริจาคเงินวัดจากการตรวจสอบไปให้มูลนิธิ เพราะฉะนั้น ก็ต้องลงไปดูเหมือนกันว่าจุดประสงค์จริง ๆ คืออะไร หรือที่ตั้งวัดพระบาทน้ำพุที่สมัยก่อนโด่งดังมากในการรับรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ ก็จะไปดูว่าตรงนี้ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะว่าอย่างไร เพราะเห็นว่ามีข้อโต้แย้งกับกระทรวงสาธารณสุขเหมือนกัน และเราก็จะไปดูเรื่องมูลนิธิ เรื่องการใช้เงิน ถึงแม้เราจะไม่ได้รับผิดชอบมูลนิธิโดยตรง แต่ก็จะไปดูในฐานะที่เราดูแลวัด
ส่วนกรณีการใช้เงินที่มีมูลค่าเงินที่เข้าไปในแต่ละเดือนเยอะมากนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ก็ต้องไปดูว่าผิดวัตถุประสงค์ หรือใช้เงินไม่ถูกต้องหรือไม่ อย่างที่ตนพูดไปแล้วว่าการเป็นเจ้าอาวาสก็ถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ รับเงินนิตยภัต ก็คือเงินเดือนของรัฐ เพราะฉะนั้นการใช้เงินต่าง ๆ ก็จะถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ขณะที่เรื่องภาษีที่เป็นชื่อของพระอลงกต ต้องไปตรวจสอบ แต่เรื่องภาษีการบริจาควัดไม่ต้องเสียอยู่แล้ว ส่วนจะเรียกจิตอาสาที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลจากการลงพื้นที่และพบความผิดปกติของวัดมาซักถามหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบว่าจะเจอใครบ้าง ปกติเจอแต่เจ้าหน้าที่ ถ้าเขาอยู่ตรงนั้น เราก็จะเรียกมาซักถาม ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะเจอใครและเขาอยู่หรือเปล่า ถ้าทุกคนพร้อมที่จะมาให้ข้อมูล ก็จะยิ่งดีใหญ่ เราจะได้มีข้อมูลมากขึ้น