โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ : ก่อนจะเข้าฤดูการเลือกผู้ว่าฯกทม.

MATICHON ONLINE

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

การเปิดตัวของมาดามแป้งว่าสนใจสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในครั้งหน้า

รวมทั้งข่าวความวุ่นวาย (เล็กๆ) ในสภากรุงเทพมหานครในช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่การเปลี่ยนตัวประธาน และการอภิปรายถกเถียงเรื่องการจัดสรรและตรวจสอบงบประมาณกรุงเทพมหานคร

ทำให้เกิดคำถามและความคาดหวังต่อการเคลื่อนไหวในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานครในรอบหน้าในอีกปีที่จะถึงมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ก่อนจะเขียนเรื่องนี้ ต้องขอออกตัวสัก 2 เรื่อง

หนึ่ง ไม่อยากเขียน หรือวิเคราะห์เรื่องนี้ในมุมมองการเมืองระดับชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่นักวิเคราะห์และสื่อมักจะถนัด คือมองเรื่องการเมืองและการเลือกตั้ง กทม.เป็นเพียงแค่ “สนามเล็ก” ของการเมืองชาติเท่านั้นเอง

อาทิ แนวคิดที่ว่าการเมืองกรุงเทพฯจะเป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงคะแนนความนิยมของการเมือง และรัฐบาล รวมทั้งพรรคการเมือง และตัวแสดงทางการเมืองในระดับชาติ

ไม่ว่าจะมองว่ามันสะท้อนออกมาอย่างตรงไปตรงมา หมายถึงว่าใครครองกรุงเทพฯก็จะครองประเทศ

หรือสะท้อนแบบ “สองนคราฯ” คือคนกรุงเทพฯ (รวมหัวเมืองใหญ่) กับต่างจังหวัด เลือกตรงข้ามกันในแนวเมืองกับชนบทแล้วมีความขัดแย้ง หรือต่อรองกัน

การวิเคราะห์พวกนี้เน้นที่ตัวเลขมากกว่าเอาปัญหากรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางในการวิเคราะห์

สอง ไม่อยากเขียน หรือวิเคราะห์ในมุมแค่ว่าใครจะได้เป็นผู้ว่าฯกทม. หรือแค่ถามว่า อาจารย์ชัชชาติจะได้เป็น (อีกไหม) เพราะก็เป็นเรื่องที่เน้นแบบผลคะแนนเป็นตัวตั้ง ในเชิงการทำนายผลมากกว่าทำนายปัญหาของเมือง

บางทีวิเคราะห์ไปก็ไม่ได้ความหวังอะไรมาก

จะวิเคราะห์แค่ว่าคนที่เราเชียร์ควรจะได้

หรือวิเคราะห์แล้วก็คิดว่ายังไงก็เปลี่ยน “กระแส” อะไรไม่ได้

โดยส่วนตัวผมก็เอาใจช่วยอาจารย์ชัชชาติและทีมงานมาตลอด แถมได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำงานด้วย ก็เข้าใจทั้งความท้าทายบางส่วนที่ทีมงานของอาจารย์เผชิญอยู่

และผมก็เชื่อว่าต่อให้คนหลายคนไม่ได้เลือกอาจารย์และทีมงาน ต่อให้เขาวิจารณ์ เขาก็วิจารณ์ในแบบที่คาดหวังว่ากรุงเทพฯมันจะต้องดีขึ้น เพียงแต่ว่าสิ่งที่เห็นอาจจะยังไม่เพียงพอตามที่เขาคาดหวังเสียมากกว่า

ทางออกอีกทางในการศึกษาเรื่องของการเมือง กทม.สำหรับผมคือ เอาเรื่อง กทม.และเอาเรื่องเมืองมาเป็นที่ตั้ง

มุ่งเน้นที่ปัญหา

มากกว่าแค่ตัวบุคคล

ไม่มีใครคนใดคนหนึ่ง หรือทีมงานเดียวจะแก้ปัญหาเมืองนี้ได้

สิ่งที่ท้าทายคือ เราต้องการ “วาระการพัฒนาเมือง”

หรือ “วาระการพัฒนา กทม.” จากทุกภาคส่วน

ต้องรีบทำ

ไม่ใช่ทำเพื่อเปิดตัวทีมงานผู้สมัคร

แต่ทำเพื่อกำหนดวาระการพัฒนาเมือง ให้ผู้สมัครและทุกทีมงานนำเรื่องนี้ไปจัดทำนโยบาย และการรณรงค์การเลือกตั้ง

ไม่ใช่นั่งรอให้ผู้สมัครนำเอานโยบายมาเร่ขายฝันเหมือนที่ผ่านมา

แล้วเราก็แค่เลือก

เราต้องตั้งประเด็นให้ได้ก่อนว่าประชาชนต้องการให้แก้ปัญหาอะไร

และมีงานวิจัยรองรับว่า ปัญหาของ กทม.ในมุมมองตามหลักวิชาคืออะไรบ้าง เพราะบางเรื่องอาจจะเป็นเรื่องที่คนอาจจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่ใช่ปัญหารายวันที่สามารถกดรายงานไปยังหน่วยงานของรัฐได้

ที่สำคัญต้องเลิกคิดด้วยว่ากรุงเทพฯเป็นเพียงการเลือกตั้งท้องถิ่น และการเลือกตั้ง “สนามเล็ก”

ต้องคิดใหม่ว่าการเลือกตั้ง การเมือง และการบริหารกรุงเทพฯ เป็นความท้าทายระดับโลก

พูดแบบไม่กลัวทัวร์ลง บางทีบริหารกรุงเทพฯอาจจะยากกว่าบริหารประเทศเสียอีก

ไม่ได้เว่อร์ แต่ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เท่ากับศักดิ์ศรีของกรุงเทพมหานครที่เป็นเมืองระดับโลก และได้อันดับหนึ่งมากมาย และมีชื่อเสียงในหลายเรื่องมากกว่าประเทศไทยเสียอีก

ในมิติของเมือง การบริหารกรุงเทพฯคือการบริหารเมืองของโลกครับ อย่าได้ถ่อมตน

อย่าได้แค่ลอกแนวคิดของเมืองอื่นมาปรับใช้ง่ายๆ

ต้องคิดร่วมกันว่าถ้ากรุงเทพฯมันน่าเที่ยวขนาดนี้ มีอาหารที่ดีขนาดนี้ ติดอันดับที่มีค่าครองชีพแพงขนาดนี้ และมีอะไรอีกมากมายที่ท้าทายขนาดนี้ ทำไมเราไม่ร่วมกันทำให้มันดีขึ้นกว่านี้ แล้วทำให้มันเป็นจักรกลที่ทำให้ประเทศมันดีขึ้นไปกว่านี้ได้อีก?

ถ้าตั้งหลักเช่นนี้เราก็จะไม่ต้องคิดแค่ว่าเลือกตั้งกรุงเทพฯพรรคไหนจะชนะ หรือใครจะเป็นผู้ว่าฯกรุงเทพฯ เพราะคนทั้งโลกเขาอาจไม่ได้สนใจว่าใครเป็นผู้ว่าฯกรุงเทพฯหรอกครับ

เขาสนใจว่าคนกรุงเทพฯเป็นอย่างไร เมืองกรุงเทพฯเป็นอย่างไร มากกว่าใครคือผู้ว่าฯและทีมงาน

เหมือนกับที่เราไปประเทศอื่นๆ เราอาจไม่ได้สนใจว่าใครเป็นผู้ว่าฯ หรือทีมงานของเมืองนั้น เท่ากับคุณภาพคนและคุณภาพชีวิตของคนในเมืองนั้น

ในสัปดาห์นี้ผมมีข้อเสนอ 2 ประการ ในการพิจารณาเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครที่จะมาถึง (เรื่องอื่นๆ เก็บไว้เขียนวันหลังบ้าง)

ประการแรก คือเรื่องของการจัดทำข้อตกลงในการให้บริการระหว่างทีมบริหารเมืองกับประชาชนในเมือง

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่มีคนพูดถึง

การจัดทำข้อตกลงระหว่างทีมบริหารเมืองกับประชาชนพลเมืองนี้มีนัยสำคัญ เป็นทั้งพันธสัญญา และควรมีผลรูปธรรมในการปฏิบัติไม่น้อยกว่าการรายงานทราฟฟี่ ฟองดูว์ แดชบอร์ด บิ๊กดาต้า ดาต้าวิชวลไลเซชั่นอะไรอีกมากมาย

คำถามคือ ถ้าผู้บริหารทำอะไรไม่ได้ตามสัญญาที่ให้ไว้ หรือไม่ได้ให้สัญญาอะไรไว้ เขาควรจะทำได้เหรอ

ถ้าทำไปแล้วไม่ได้เรื่อง ต้องปล่อยทำไปจนครบ 4 ปี หรือต้องรอให้เกิดการประท้วงกดดันให้ขับออกหรือ?

ผมยกตัวอย่างเช่นกรณีการแยกขยะ

คำถามเรื่องการแยกขยะไม่ใช่ไม่ดี แต่มันเป็น pain point ของใคร

ผมบอกเลยว่าเป็นของ กทม. ไม่ใช่ของประชาชน

การขึ้นค่าขยะไม่ควรขึ้นด้วยเงื่อนไขสัมพันธ์กับการแยกขยะครับ

การขึ้นค่าขยะเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องมาโหวตกันในระดับของการเลือกตั้งผู้ว่าฯแล้วครับ เพราะมันขึ้นไปจากยี่สิบไปที่หกสิบบาท

สามเท่าโดยที่ไม่มีสิทธิต้านอะไร

หรือว่าสภา กทม.ไม่ได้รู้สึกว่าคนเดือดร้อนก็มี

ถามว่าปัญหาใหญ่อยู่ที่ไหน ปัญหาใหญ่ของคนจริงๆ คือทำไมขยะไม่พ้นไปจากบ้านเขา และมีหลักอะไรมารับประกันว่าจะต้องไม่มีขยะหน้าบ้านเขา

กรณีบ้านผมนี่ อยู่ดีๆ จากสัปดาห์ละสองครั้ง มาเป็นสัปดาห์ละครั้ง

แถมไม่มีความแน่นอนในวันที่จะมาเก็บ เพราะคนทำงานไม่พอ

คำถามคือ ถ้าไม่จัดเก็บตัว กทม.และผู้บริหารต้องรับผิดชอบอะไรกับผมบ้างไหม

แต่ถ้าผมไม่แยกขยะ จะจัดเก็บผมสามเท่า ทั้งที่ผมไม่ได้เลือกมาให้ขึ้นค่าขยะสามเท่า

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแค่รายงานครับ แต่มันหมายถึงว่า ในการบริหารงานจริงของเมืองนั้น ความสัมพันธ์ของผู้ให้บริการกับผู้รับบริการจะถูกจัดวางอย่างไร

ยกตัวอย่างกรณีของสัญญาณมือถือที่หายไปแล้วบริษัทนั้นชดเชยให้กับผู้บริโภค

ผมถามว่า สัปดาห์นี้ถ้ารถขยะไม่มาเก็บหน้าบ้านผมเนี่ย ผมจะฟ้องร้องที่ไหน ผมจะได้ค่าชดเชยอะไรไหม

เหมือนกับไฟดับ น้ำไม่ไหล มีการชดเชยไหม แต่ถ้าเราไม่จ่ายค่าน้ำค่าไฟคือตัดแล้วเสียค่าธรรมเนียมต่อเลย

ถามว่า ถ้าเลือกรัฐบาล แล้วรัฐบาลเข้ามาแล้วขึ้นค่าไฟสามเท่านี่ทำได้ไหม

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้โจมตีเรื่องหนึ่งเรื่องใด แต่อยากให้ยกระดับวิธีคิดว่า การบริหารเมืองแล้วมาแค่วิจารณ์ว่าเมืองสมัยใหม่เป็นเสรีนิยม หรือเป็นสินค้านั้น อ่านตำราฝรั่งมาก็พูดได้

คำถามอยู่ที่ว่า ถ้ากล้าจะไปให้ถึงแก่นของความเป็นเสรีนิยมทางเศรษฐกิจในการบริหารเมือง มันก็ยังต้องมีกฎต้องมีเกณฑ์กำกับดูแลอยู่ดี

ในแง่ของสมาชิกสภาผู้แทนกรุงเทพมหานครก็เช่นกัน อะไรคืองานของเขาที่ประชาชนจะต้องตรวจสอบได้ ถ้าไม่ชัดเจน วัดประเมินไม่ได้ เราก็จะไม่สนใจข่าวในสภา กทม.เท่าไหร่ ปีหนึ่งอาจจะมีสักครั้งหนึ่ง

จนวันนี้สังคมยังไม่ชัดเจนเลยว่าเราคาดหวังอะไรจาก ส.ก.ได้จริงๆ จังๆ เมื่อเทียบกับ ส.ส.

กล่าวโดยสรุป การชดเชย และความเหมาะสมในการให้ และขึ้นค่าบริการของเมืองในแง่บริการสาธารณะจะวัดและตรวจสอบด้วยอะไร ฟ้องด้วยการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไหม หรือใช้กลไกอะไรที่ยึดโยงกับประชาชนในการยุติสัญญา หรืออนุมัติสัญญานั้น

ลองคิดอีกแบบ กทม.มีทางเลือกอื่นได้อีกที่ไม่ได้ทำ เช่น รับซื้อขยะคืนจากประชาชน แทนที่จะใช้วิธีบังคับแยกขยะ หรืออ้างว่าเป็นแรงจูงใจ เพราะถ้าไม่แยกก็เก็บแพง ทั้งที่อธิบายไม่ได้ว่ามันเป็นธรรมทั้งหมด เช่น บ้านหนึ่งคนอยู่ กับห้าคนอยู่ ก็จ่ายเท่ากันอยู่ดี

แต่กฎหมายมันตรงข้ามล่ะ คือถ้า กทม.ไม่จัดซื้อขยะคืนจากประชาชน หรือไม่บังคับให้ห้างร้านบวกค่าถุงค่าขยะลงไปแล้วประชาชนเรียกคืนได้ เช่น ขวดมีค่ามัดจำ หรือขวดมีมูลค่าที่ร้านค้าต้องรับซื้อคืนอะไรทำนองนี้ ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน

ประการที่สอง “วาระการพัฒนากรุงเทพฯ” สิ่งนี้ต้องช่วยกันขับเคลื่อนมากกว่าโครงการต่างๆ

โดยทั่วไปการจัดทำวาระการพัฒนากรุงเทพฯมักทำกันในแนวผ้าป่าสามัคคี คือทำกันสั้นๆ ขาดองค์กรที่จะขับเคลื่อนจริง และเป็นองค์กรที่ไม่ได้ต้องการจะมาเป็นผู้บริหารเอง

วาระการพัฒนากรุงเทพฯที่ผ่านมาจึงเป็นแค่ตัวประกอบตอนต้นก่อนเปิดเวที หรือการรณรงค์รายงานข่าวเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เท่านั้นเอง เช่น มาดูว่าประชาชนต้องการอะไรจากการสำรวจ สัมภาษณ์ หรือบิ๊กดาต้า แล้วตัดเข้ารายการ ส่วนผู้สมัครต้องการอะไร

สีสันไปอยู่ที่โวหารกับความฝันของผู้สมัคร มากกว่าการถกเถียงจริงว่าแต่ละคนได้มาซึ่งนโยบายเหล่านั้นอย่างไร

แม้กระทั่งคำถามว่า เราจะเป็นแบบอย่างอะไรให้กับโลก ไม่ใช่แค่จะเอาส่วนอื่นของโลกมาไว้ที่เรา

และเมื่อได้รับชัยชนะแล้ว ใครจะกำกับดูแลผู้ว่าฯ ผู้บริหาร และสมาชิกสภา กทม.ให้ทำงานตามนั้น และถ้าไม่ทำจะรับผิดชอบอย่างไร ไม่ใช่แค่ไม่ต้องเลือกอีกในครั้งต่อไป เพราะมันนานเกินไป และมีต้นทุนที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกันอีกมากมาย

โหมโรงกันเล็กๆ ว่าสื่อ สถาบันการศึกษา ประชาสังคม จะช่วยกันคิดอะไรให้ได้ก่อนที่จะถึงเวลาที่ปล่อยให้ผู้สมัครพาเราไปทางนู้นทางนี้ทั้งที่เมืองของเราเราควรกำหนดเองมากกว่านี่

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ : ก่อนจะเข้าฤดูการเลือกผู้ว่าฯกทม.

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก MATICHON ONLINE

พี สะเดิด เปิดใจป่วยมะเร็งเต้านม เกือบ 20 ปี ไม่บอกใคร เผยใช้ธรรมะบำบัดจนดีขึ้น

28 นาทีที่แล้ว

ประเสริฐ สั่งติดตามผลระบายน้ำเขื่อนแนวน้ำน่าน-นเรศวร ระบายเพิ่ม ลดผลกระทบพื้นที่เกษตรอุตรดิตถ์

32 นาทีที่แล้ว

สึกแล้ว! พระอ้างเป็น 'หม่อมราชวงศ์' ก่อเรื่องสนั่นโซเชียล เผยบวชมา 2 ปีไม่เคยจำวัดต้นสังกัด

42 นาทีที่แล้ว

อนุทิน ยกปม เขากระโดง ขอแต่ละฝ่ายใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย อย่าใช้อำนาจกลั่นแกล้ง

46 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

วิดีโอ

หนุ่ม โต้เดือด! ปมเกณฑ์ทหาร ลั่น มีแต่ลูกตาสีตาสาทั้งนั้น ชี้ ทหารผู้น้อยควรได้เงินเพิ่ม

BRIGHTTV.CO.TH

บีบ “อิ๊งค์” ทุกทาง !?

สยามรัฐ

"เต้ มงคลกิตติ์" ไม่ขอทน โพสต์เดือด หลังทหารไทย สูญเสียขา อีกคน

TNews

ปวิน ส่ายหัว!! อินฟลูฯ อวดรายได้จาการโหมไฟสงคราม!

TOJO NEWS

หมอบี ยืนยันไม่ได้โกงเงินบริจาค ยินยอมให้วัดรับเต็มจำนวน ด้านตำรวจพบเงินหายบางส่วน

News In Thailand

อินโดนีเซียพบนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น IDX อายุต่ำกว่า 30 ปี

Xinhua

คืบหน้าสร้างบ้านใหม่ทหารกล้า ทหารพรานบาดเจ็บสาหัสถูกสะเก็ดระเบิดฝังในศีรษะขณะปฏิบัติหน้าที่

สยามรัฐ

“อนุทิน” รับไม่ปิดโอกาสโหวตเห็นชอบงบฯ 69 ย้ำต้องรอบครอบ

สำนักข่าวไทย Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

ฉายหนังกลางแปลง นากรักมา ม๊ากมา ให้ทหารดูคลายเครียด หม่ำ จ๊กมก ส่งคลิปให้กำลังใจด้วย

MATICHON ONLINE

พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ : ก่อนจะเข้าฤดูการเลือกผู้ว่าฯกทม.

MATICHON ONLINE

เจล สระบุรี ชนะศึกสายเลือดลิ่วชิงเวิลด์เกมส์ ลุ้นทองประวัติศาสตร์สอยคิว

MATICHON ONLINE
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...