โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

วัดกำลังศึกภาษีสหรัฐยกใหม่ เวียดนามทิ้งไทยขาดลอย ไทยชนะแค่ 5 สินค้า

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 18 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ภาษีตอบโต้หรือภาษีการค้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐอเมริกาที่เรียกเก็บจากประเทศคู่ค้าทั่วโลก มีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 (ตามเวลาในสหรัฐ) ซึ่งมีอัตราต่ำสุดถึงสูงสุดที่ 10-50%

ในส่วนของประเทศไทยได้รับอัตราภาษีอิงกลุ่มอาเซียนเท่ากับอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ที่อัตรา 19% ส่วนเวียดนามที่เป็น ประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐมากที่สุดในอาเซียน ได้อัตราภาษีที่ 20% ทั้งนี้ เวียดนามถือเป็นคู่แข่งอันดับหนึ่งของไทยในตลาดสหรัฐ แต่อีกมุมหนึ่ง เวียดนามถือเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยในกลุ่มอาเซียน

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานอาวุโส หอการค้าไทย และนายกสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ไทยและเวียดนามจะมีความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 50 ปีในปี 2569 โดยไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 1 หรือคู่ค้ารายใหญ่สุดของเวียดนามในอาเซียน

สนั่น อังอุบลกุล ประธานอาวุโส หอการค้าไทย และนายกสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม

ขณะที่เวียดนามเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทยในอาเซียน (รองจากมาเลเซีย) มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน (ส่งออก+นำเข้า) มากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 และมีเป้าหมายมูลค่าการค้าระหว่างกันในปี 2568 จำนวน 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัทไทยนิยมตั้งฐานการผลิตในเวียดนามเพื่อเจาะตลาดเวียดนามที่กำลังเติบโต ในด้านการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเวียดนามนิยมมาเที่ยวเมืองไทยปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน

ได้เปรียบต้นทุนต่ำกว่าไทย 5-10%

อย่างไรก็ดี แม้เวียดนามจะเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย แต่อีกด้านหนึ่ง เวียดนามเป็นคู่แข่งสำคัญของสินค้าไทยในตลาดสหรัฐ ซึ่งกรณีล่าสุด ไทย-เวียดนามได้บรรลุข้อตกลงเรื่องภาษีการค้า (Reciprocal Tariff) กับสหรัฐ โดยเวียดนามสามารถปิดดีลภาษีกับสหรัฐที่ 20% และไทยที่อัตรา 19% ซึ่งแตกต่างกัน 1% ซึ่งตรงนี้มองว่าไม่มีผลกระทบ หรือไทยจะได้เปรียบสินค้าจากเวียดนามอย่างมีนัยสำคัญ เพราะโดยปกติสินค้าที่ผลิตในเวียดนามมีต้นทุนถูกกว่าไทย 5-10%

“ขณะเดียวกัน เวียดนามกำลังสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ในภาคใต้ เพื่อขนส่งสินค้าโดยตรงจากเวียดนามไปสหรัฐและยุโรป โดยไม่ต้องผ่านสิงคโปร์เหมือนในอดีต และจะทำให้ค่าขนส่งถูกลง”

สำหรับสินค้าหลัก ๆ ที่ไทยและเวียดนามเป็นคู่แข่งขันกันโดยตรงในตลาดสหรัฐ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเวียดนามมีจุดเด่นคือมีการเมืองที่นิ่ง ต้นทุนการผลิตถูกกว่าไทย เช่น ค่าแรงงาน มีแรงงานในวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก มีประชากรกว่าร้อยล้านคน มีการเติบโตของจำนวนประชากร และมีหนี้สินครัวเรือนต่ำ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และราคาที่ดินสำหรับสร้างโรงงานไม่แพง

17 FTA เวียดนามตัวช่วยมากกว่า

นอกจากนี้ ยังมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) ถึง 17 ฉบับกับ 60 ประเทศ (ส่วนไทยมี FTA 16 ฉบับ กับ 23 ประเทศหรือเขตเศรษฐกิจ) มีนโยบายอำนวยความสะดวกในการส่งออก มีตลาดภายในที่กำลังเติบโต มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเร็ว ขณะเดียวกันยังมีความคล่องตัวในการแก้ไขปัญหากฎระเบียบให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนต่างประเทศ ทำให้เวียดนามได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากต่างประเทศ

“ในสภาวะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนกำลังเข้มข้น สหรัฐประกาศภาษีตอบโต้กับหลายประเทศ โดยมุ่งสกัดการสวมสิทธิ์ไทยเพื่อส่งออกไปสหรัฐ (Transshipment) ไทยควรถือโอกาสนี้ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น ชักชวนให้ผู้ผลิตจีนในไทยใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในไทยมากขึ้น (Local Content) เช่นเดียวกับที่ผู้ผลิตซึ่งเป็นบริษัทญี่ปุ่นในไทยทำอยู่แล้วในหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้เอสเอ็มอีไทยเข้าร่วมห่วงโซ่อุปทานของจีนได้ ผู้ผลิตไทยต้องพร้อมปรับตัวในเรื่องนี้”

จี้เตรียมซอฟต์โลน-เร่งหาตลาดใหม่

นายสนั่น ยังได้ให้คำแนะนำ/ข้อเสนอต่อภาครัฐในการรับมือกับมาตรการภาษีสหรัฐ และรักษาความสามารถแข่งขันของไทย ว่า ขอให้ภาครัฐเร่งรัดการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และออกมาตรการเยียวยาผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐ โดยเสนอให้ภาครัฐออกมาตรการ soft loan (เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ) ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

ขณะที่ ทางสภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้า และกระทรวงพาณิชย์จะเร่งร่วมมือกันหาตลาดใหม่ ๆ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม จะร่วมกันจัดงานแสดงสินค้าเพื่อช่วยหาตลาดเพิ่มทั้งภายในและต่างประเทศให้ผู้ประกอบการไทย และที่สำคัญ ภาครัฐควรเร่งเดินหน้าทำ FTA กับสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อลดความเสียเปรียบต่อเวียดนามที่มี FTA กับอียูแล้ว

ภาพรวมสินค้าไทยพ่ายเวียดนาม

ด้าน รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และอาเซียน กล่าวว่า ในปี 2567 เวียดนามส่งออกสินค้าไปสหรัฐมูลค่า 136,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 30% ของการส่งออกสินค้าโดยรวมของเวียดนามไปทั่วโลก นำเข้าจากสหรัฐ 13,100 ล้านดอลลาร์ เวียดนามได้ดุลการค้าสหรัฐ 123,500 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ไทยส่งออกไปสหรัฐมูลค่า 63,300 ล้านดอลลาร์ นำเข้า 17,700 ล้านดอลลาร์ ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐ 45,600 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ใน 24 สินค้าส่งออกหลักของไทยกับเวียดนามที่ส่งไปขายในตลาดสหรัฐ (ข้อมูลปี 2567) ซึ่งสินค้าส่วนของไทยคิดเป็นสัดส่วน 53% ของการส่งออกทั้งหมดไปสหรัฐ และเวียดนามคิดเป็น 65% ของการส่งออกเวียดนามไปสหรัฐ หากเปรียบเทียบเฉพาะสองประเทศที่ 100% สินค้าจากเวียดนามจะมีส่วนแบ่งตลาดโดยรวมคิดเป็น 72% ส่วนไทยมีส่วนแบ่งตลาดโดยรวมคิดเป็น 28%

โดยหากเปรียบเทียบสินค้า 10 รายการแรกที่มีมูลค่าสูงสุด ที่ไทยและเวียดนามเป็นคู่แข่งขันกันในตลาดสหรัฐในปี 2568 1.คอมพิวเตอร์ เวียดนามมีส่วนแบ่งตลาด 69.5% ไทย 30.5% 2.โทรศัพท์ เวียดนามมีส่วนแบ่งตลาด 62.5% ไทย 37.5% 3.เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เวียดนามมีส่วนแบ่งตลาด 92.5% ไทย 7.3% 4.ชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริม (อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักร) เวียดนามมีส่วนแบ่งตลาด 79.7% ไทย 20.3% 5.เซมิคอนดักเตอร์ เวียดนามมีส่วนแบ่งตลาด 61.9% ไทย 38.1%

6.เก้าอี้ (ไม่รวมทางการแพทย์) เวียดนามมีส่วนแบ่งตลาด 96.6% ไทย 3.4% 7.ไมโครโฟน เวียดนามมีส่วนแบ่งตลาด 93.4% ไทย 6.6% 8.รองเท้าที่มีพื้นรองเท้าด้านนอกทำจากยาง พลาสติก หนัง เวียดนามมีส่วนแบ่งตลาด 99.7% ไทย 0.3% 9.อุปกรณ์ส่งสัญญาณสำหรับการกระจายเสียงทางวิทยุหรือโทรทัศน์ เวียดนามมีส่วนแบ่งตลาด 65% ไทย 35% และ 10.เสื้อเจอร์ซีย์ เสื้อสเวตเตอร์ เสื้อคาร์ดิแกน เสื้อกั๊ก เวียดนามมีส่วนแบ่งตลาด 93.1% ไทย 6.9%

รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และอาเซียน

มีแค่ 5 รายการที่ไทยชนะ

“ส่วนแบ่งตลาดตรงนี้เปรียบเทียบกันสองประเทศเฉพาะเวียดนามกับไทยในตลาดสหรัฐเท่านั้น โดยเปรียบเทียบในสัดส่วน 100% จะมีส่วนแบ่งตลาดในแต่ละสินค้าในอัตราเท่าใด ซึ่งใน 24 สินค้าส่งออกหลักของไทยและเวียดนามที่ส่งออกไปสหรัฐ มีเพียง 5 รายการที่เรามีส่วนแบ่งตลาดมากกว่าสินค้าจากเวียดนาม

ได้แก่ ข้าว (ไทยมีส่วนแบ่งตลาด 96.6%) ผลไม้สด (ส่วนแบ่งตลาด 85.8%) อาหารทะเลแช่แข็ง (ส่วนแบ่งตลาด 82.8%) ถุงมือยาง (ส่วนแบ่งตลาด 88.5%) และหม้อแปลงไฟฟ้าและอุปกรณ์ (ส่วนแบ่งตลาด 60.1%) ส่วนสินค้าอื่น ๆ ส่วนใหญ่สินค้าจากเวียดนามจะมีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐมากกว่าไทย”

หากวิเคราะห์ต่อ ภายใต้ภาษีไทยที่ 19% และเวียดนามที่ 20% ขณะที่ต้นทุนและราคาสินค้าเวียดนามโดยเฉลี่ยต่ำกว่าไทย 5-10% ซึ่งค่าความยืดหยุ่นของความทดแทนระหว่างสินค้าเวียดนามกับสินค้าจากไทย เท่ากับ 0.8% หมายความว่าถ้าราคาสินค้าเวียดนามถูกกว่าไทย 1% คนก็จะหันไปซื้อสินค้าจากเวียดนาม 0.8%

เพราะฉะนั้น หากราคาสินค้าเวียดนามถูกกว่าไทย 5% คนอเมริกันก็จะหันไปซื้อสินค้าจากเวียดนามเพิ่มขึ้นอีก 4% ถ้าราคาเวียดนามลดลงหรือถูกกว่าไทย 10% ก็จะหันไปซื้อสินค้าจากเวียดนามเพิ่มขึ้นอีก 8% เพราะเป็นสินค้าที่ทดแทนกันได้ โดยเขาจะดูเรื่องราคาเป็นหลัก

5 เดือนท้ายไทยส่อวูบ 1.9 แสนล้าน

อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษาพบว่าผลกระทบจากสหรัฐขึ้นภาษีครั้งนี้ จะทำให้การส่งออกของเวียดนามลดลง 18,909 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยจะลดลง 8,161 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อรวมถึงผลกระทบสินค้าทดแทนระหว่างไทยกับเวียดนาม ทำให้ทั้งปี มูลค่าการส่งออกไทยจะลดลง 457,380 ล้านบาท และทำให้การส่งออกไทยในเวลาที่เหลืออีก 5 เดือน (ส.ค.-ธ.ค. 2568) จะลดลงไป 190,575 ล้านบาท คิดเป็น 1.9% ของการส่งออกรวมของไทย

สำหรับข้อเสนอแนะรัฐบาลไทย เพื่อรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากภาษีนำเข้าตลาดสหรัฐที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้ คือ 1.เร่งวางยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการจัดการสินค้าสวมสิทธิ และสินค้าที่ใช้แหล่งกำเนิดสินค้าภายในประเทศไทยต่ำกว่า 40% นอกจากนี้ ร่วมมือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ในการจัดทำระบบการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าสวมสิทธิ ที่เรียกว่า “Digital Traceability”

2.สร้างห่วงโซ่การผลิตอุตสาหกรรมไทยใหม่ ที่สามารถกระจายและเชื่อมโยงกับตลาดอื่น และยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดสหรัฐฯ ไม่ให้ลดลง 3.ปรับโครงสร้างภาคการผลิตอย่างยิ่งจริงจัง โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมตามเทรนด์โลก 4.สร้างระเบียบการลงทุนใหม่ ที่กำหนดให้ทุนต่างชาติเชื่อมโยงและใช้วัสดุจาก SMEs และเกษตรกรไทย ให้เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

กรุงศรีฯ ซื้อหุ้น TIDLOR เพิ่ม 16.33% เจาะกลุ่มเข้าไม่ถึงการเงิน

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ด่วน! ธนาคารกรุงเทพลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% รับนโยบาย กนง.

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“PTT” กำไร 2.15 หมื่นล้านไตรมาส 2/68 ลดลง 39.3% ขาดทุนสต็อกน้ำมัน

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กต. เดินหน้ากดดันกัมพูชาหยุดใช้ทุ่นระเบิดชายแดน จ่อใช้กลไก UN สอบสวนเอาผิด

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

"หมอบี" เปิดใจกลางดราม่าเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ – ยันถวายหลวงพ่อ 95-99%

THE ROOM 44 CHANNEL

MUT 2025 แซ่บไฟลุก! ประชันหุ่นรอบชุดว่ายน้ำ 'แพรววณิชยฐ์' คว้ารางวัลพิเศษ

MATICHON ONLINE
วิดีโอ

แนวรั้วเหล็กเสริมลวดหนามหีบเพลง ที่ชายแดน เวียดนาม-กัมพูชา

THE ROOM 44 CHANNEL
วิดีโอ

ตกใจแรง! เปิดจำนวนแท้จริง "ทุ่นระเบิx" หลังเก็บกู้ชายแดนไทย-เขมร ทำทหารไทยเสียขา 5 ครั้ง!

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

กองทัพบกโต้ "ข่าวปลอม" กัมพูชาอ้างไทยเตรียมโจมตี ยืนยันไม่มีสั่งอพยพหรือปิดโรงเรียน เพื่อเตรียมการโจมตีแต่อย่างใด

สวพ.FM91

ตร.จับมือทุกภาคส่วน เดินหน้าปกป้องพระพุทธศาสนา ปรับแผนทำงานร่วม-เก็บข้อมูลวัดทั่วประเทศอย่างโปร่งใส

สวพ.FM91

วินาทีตำรวจเข้าจับกุมตัวหนุ่ม 21 ฆ่ารัดคอสาวใหญ่ กลัวความผิดนำศพทิ้งทะเลหวังอำพรางศพ

77kaoded

นาทีทหารวิ่งเข้าจับกุม กลุ่มลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรเถื่อน

77kaoded

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...