ปูพรมตรวจเงินวัดเขย่าคณะสงฆ์ บางพื้นที่พระทยอยลาออก
วันนี้ (13 ส.ค.2568) กรณีคำสั่งจากสำนักนายกรัฐมนตรี "ปูพรมตรวจบัญชีวัดทั่วประเทศ" กำลังเขย่าระบบการเงินของวัดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บางพื้นที่เกิดแรงสั่นสะเทือนจนมีพระสังฆาธิการใน 2 จังหวัดตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เพราะเกรงว่าการทำบัญชีผิดพลาดอาจกลายเป็นความผิดทางกฎหมาย
เพื่อปิดช่องว่างนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จึงเร่งเปิดหลักสูตร "การจัดการบัญชีวัดอย่างมีมาตรฐาน" ให้พระสงฆ์จากทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดกว่า 60 แห่งเข้าร่วม
นี่เป็นครั้งแรกที่บัญชีวัดถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นวาระแห่งชาติ และถูกสอนอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่การเก็บใบเสร็จหรือบันทึกยอดเงิน แต่คือการสร้าง "กลไกตรวจสอบ" ภายในวัดเอง
พระเมธีวัชรบัณฑิต (เจ้าคุณหรรษา) เจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้น อธิบายว่า เจ้าอาวาสจำนวนไม่น้อยเคยทำหน้าที่เซ็นเบิกถอนเงินเพียงผู้เดียว โดยไม่มีคณะกรรมการร่วมลงนาม รูปแบบนี้เปิดช่องให้เกิดการปลอมลายเซ็น เช่น คดีวัดเครือวัลย์ เขตบางกอกใหญ่ ที่ไวยาวัจกรและผู้ช่วยฯ ถูกกล่าวหายักยอกเงินกว่า 65 ล้านบาท
หลักสูตรอบรมครั้งนี้จึงสอนให้วัดแยกประเภทบัญชีเงินฝาก เช่น เงินทำบุญ กฐิน บริจาค ค่าสาธารณูปโภค พร้อมทั้งจัดทำทะเบียนสาธารณสมบัติของวัดอย่างชัดเจน เพราะปัญหาในอดีตพบว่าทรัพย์สินวัด เช่น ที่ดิน รถยนต์ หรืออาคาร ถูกจดในชื่อไวยาวัจกรหรือบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเข้าข่ายยักยอก อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักในต่างจังหวัดยังเป็นข้อจำกัดด้านกำลังคนและทักษะ
ตีเหล็กเราต้องตีช่วงที่มันร้อน หลังจากที่ถูกตรวจสอบทรัพย์สินและเงินวัด ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะได้ถวายองค์ความรู้กับพระสงฆ์ทั่วประเทศ
ขณะที่นายนิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ชี้ว่า วัดหลายแห่งมีพระเพียงรูปเดียว และไม่คุ้นกับการใช้เทคโนโลยี ทำให้เกิดความกังวลใจ และบางรายเข้าใจผิดว่าการอยู่ในตำแหน่งเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง จึงลาออก
พระบางรูปก็ไม่เข้าใจว่าทำบัญชีจะทำอย่างไรทำให้เกิดความกังวลใจ อย่างเช่นเจ้าคณะอำเภอจังหวัดอุบลราชธานี ก็ลาออกแล้ว หลังจากนี้เราก็ต้องไปสร้างความเข้าใจกับพระให้มากขึ้น
พระครูสมุห์เมธี จากวัดป่าลานโพธิ์ จ.สุรินทร์ สะท้อนมุมต่างจังหวัดว่า ขาดทั้งองค์ความรู้และเจ้าหน้าที่ที่ให้คำปรึกษาได้จริง ขณะเดียวกันยังมีปัญหาอำนาจผู้นำท้องถิ่นที่แทรกแซงวัด เช่น การนำเงินกฐินไปใช้ส่วนตัว
ในภาพใหญ่ คำสั่งตรวจสอบบัญชีวัดอาจถูกมองว่าเป็นการ "กวาดลานวัด" เพื่อฟื้นศรัทธาสาธารณะ แต่ในเชิงโครงสร้าง มันกำลังเปิดโปงความเปราะบางของระบบการเงินในวัดไทย ที่พึ่งพาความไว้วางใจมากกว่ากลไกตรวจสอบ และการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับความโปร่งใส
อ่านข่าว :
ขยายปมที่ดิน 2,000 ไร่วัดพระบาทน้ำพุ กองปราบจ่อเรียกคนถือครองที่ดินชี้แจง
"สุชาติ" จี้ "พศ." ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ปมปัญหาวัดพระบาทน้ำพุ