ปิกอัพหลุดโค้งชนประสานงา 6 ล้อ กระบะพังยับ ตาวัย 74 ดับคาที่
ปิกอัพหลุดโค้ง ชนประสานงา 6 ล้อสนั่น กระบะฉีกขาดพังแหลกเป็นเศษเหล็ก ตาวัย 74 เจ้าของกิจการรถบรรทุกถมดิน เสียชีวิตคาที่
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุ รถยนต์กระบะเสียหลักหลุดโค้ง พุ่งชนประสานงากับรถบรรทุก 6 ล้อ จนแหลกทั้งคัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เกิดขึ้นบนถนน 1030 สาย แสลง - วังแซ้ม หมู่ 4 ต.แสลง อ.เมือง จ. จันทบุรี หลังเกิดเหตุพ.ต.ต.เนรมิตร พงษ์สาลี สารวัตสอบสวน สภ.เมืองจันทบุรี พร้อมแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลพระปกเกล้า ฯ ร่วมเดินทางเข้าตรวจสอบ
เบื้องต้นพบที่เกิดเหตุ อยู่ในช่วงกลางโค้งขาขึ้นเนิน ช่องจราจรฝั่งซ้าย ทิศทางมุ่งห้าไปทาง ต.วังแซ้ม อ.มะขาม พบรถบรรทุกฮีโน่สีขาว ทะเบียนป้ายเหลืองจันทบุรี เสียหลักจอดอยู่บนไหล่ทาง สภาพพุ่งชนประสานงา อัดติดกับรถยนต์กะบะ โตโยต้า ฮีโร่สีฟ้า ไม่ทราบทะเบียน พังยับกลายเป็นเศษเหล็ก กระบะฉีกขาดหลุดกระเด็นออกมาจากรถ โดยพบศพของนายสินชัย (ขอสงวนนามสกุล) 74 ปี หรือ ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ “ป๋าฉิน” ตำนานเจ้าของกิจการรถบรรทุกรับถมที่ดิน “พลับพลาทอง” เสียชีวิตติดอยู่บนซากรถ โดยมีลูกหลานและญาติๆ ยืนร้องไห้ระงม
ตรวจสอบในที่เกิดเหตุในช่องจราจรฝั่งขาเมือง พบมีรอยล้อของรถกระบะ เบรคเป็นทางยาว หลุดโค้งข้ามเลนไปจุดที่ชนอัดติดกับรถบรรทุก 6 ล้อ และขาออกเมืองมีรอยเบรกของรถบรรทุก ยาวจากบนถนน จนเสียหลักไปจนบนไหล่ทาง โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถ่ายภาพบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถาม นายมนตรี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ชาว อ.สอยดาว จันทบุรี คนขับรถบรรทุก ที่ยืนรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาจากสี่แยก แสลง มุ่งหน้าไปทาง ต.วังแซ้ม อ.มะขาม โดยขับมาด้วยความเร็วประมาณ 60-70 กม./ชม. เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางโค้งลาดเอียงเล็กน้อยได้มีรถกระบะคู่กรณีขับเข้าโค้งสวนทางมา จากนั้นได้เกิดสะบัดหลุดขามเลนเข้ามาหา โดยที่ตนได้พยายามเบรกและหักหลบแต่ไม่พ้น จึงได้พุ่งชนประสานงาเข้าเต็มแรง จนเกิดความเสียหาย ทั้งสองคันและทำให้คนขับคู่กรณี เสียชีวิตตามในภาพที่เห็น โดยย้ำว่าขณะเกิดเหตุ ไม่มีรถขับตาม หรือสวนทางมา
อย่างไรก็ตาม สาเหตุยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของตำรวจ ทั้งนี้จะได้ไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมถ่ายภาพร่องรอยในที่เกิดเหตุ บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเชิญตัวคนขับรถบรรทุกไปให้ปากคำเพิ่มเติม ในการสรุปสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อให้การดำเนินคดี เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายต่อไป