จีนเที่ยวไทยจะไม่เหมือนเดิม ททท.ดันนักท่องเที่ยวจีนปีหน้า ไต่ระดับเทียบเท่าปี 2567
จีนเที่ยวไทยจะยังไม่เหมือนเดิม
การชลอตัวของนักท่องเที่ยวจีนส่งผลให้ภาพรวมของการท่องเที่ยวไทย ติดลบต่อเนื่องมาร่วมครึ่งปีแล้ว การชลอตัวหลักๆนอกจากจะเป็นเรื่องของความไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังมีในเรื่องของทุนจีนสีเทา และมุมมองของคนไทยที่มีต่อคนจีน จากกระแสข่าวในโลกโซเชี่ยล ทำให้คนจีนมีความรู้สึกว่าคนไทยไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเหมือนเมื่อก่อน
ประกอบกับรัฐบาลจีนกระตุ้นการเดินทางเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น จากสภาพเศรษฐกิจของจีนที่ชลอตัวหลังโควิด และการแข่งขันในตลาดด้านการท่องเที่ยวที่มีสูง อย่าง ญี่ปุ่น และเวียดนาม ก็ทำให้นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์หายไปจากไทย ปันใจไปเที่ยวญี่ปุ่น เวียดนามเพิ่มขึ้น ส่วนที่เดินทางมาเที่ยวไทยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเล็กๆ และกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเอง หรือ เอฟไอที ยิ่งเกิดการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ก็ทำให้จีนแผ่วไปอีก
ดังนั้นเมื่อดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การที่คนจีนจะกลับมาเที่ยวไทยเหมือนก่อนโควิดที่สูงถึง 11 ล้านคน จะยังไม่กลับไปเหมือนเดิม และยังคงยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี โดยในปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินสูงสุดก็จะได้แค่ 5 ล้านคนเท่านั้น ส่วนในปีหน้า ก็มองถึงความเป็นไปได้ของจีนเที่ยวไทยก็จะพยายามทำให้ได้ใกล้เคียงกับปี 2567 คืออยู่ที่ราว 6.9 ล้านคน ผ่านการใช้งบกระตุ้นท่องเที่ยวภายใต้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อเป็นโมเมนตั้มไปถึงปีหน้า
ททท.กระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนเต็มสูบ
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย( ททท.) กล่าวว่า ททท. ร่วมกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) นำผู้ประกอบการไทยกว่า 50 ราย ร่วมกิจกรรม TAT & ATTA Road Show 2025 ครอบคลุม 3 เมืองศักยภาพของจีน ได้แก่ ฉงชิ่ง, หลานโจว และหางโจว
พร้อมเปิดเวทีเจรจาธุรกิจกับพันธมิตรจีน หวังขยายตลาด กระชับความร่วมมือ และส่งเสริมการเดินทางระหว่างไทย–จีนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการจีนกว่า 300 ราย
นอกจากนี้ยังร่วมมือระดับรัฐบาล (G2G) และเป็นการต่อยอดความเข้าใจระดับประชาชน (P2P) ผ่านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมในรูปแบบ Two-Way Tourism
นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า แผนทำตลาดจีนททท.จะเน้น 3 กลยุทธ์ ได้แก่
1.การทำเช่าเหมาลำ หรือชาร์ตเตอร์ไฟล์ทเข้ามาเที่ยวไทย ซึ่งฝั่งของตลาดจีนมีความสนใจเข้ามาเป็นพันเที่ยวบินแล้ว โดยททท.จะไล่ดูว่าสามารถสร้างคุณภาพได้อย่างไร อาทิ เส้นทางที่จะเข้ามา จากเมืองใดสู่เมืองใดในประเทศไทย หากมาจากเมืองรองของจีนเข้าสู่เมืองรองของไทย อย่างบินไปเชียงราย อู่ตะเภา ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นกลุ่มแรก
รวมถึงคุณภาพของแพคเกจ จะมีการใช้จ่ายในประเทศไทยอย่างใดที่มีความเหมาะสมกับจุดหมายปลายทางจริงๆ ต้องไม่อยู่ในระดับต่ำจนกลายเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ
2. เที่ยวบินประจำ หรือ คอมเมอร์เชียล ไฟล์ท หลายสายการบินในไทยก็โฟกัสที่จีน แต่อัตราการบรรทุก (โหลดแฟคเตอร์) อาจยังไม่ได้เพิ่มขึ้น ททท.จะเข้าไปช่วยทำให้สูงขึ้น หรือเพิ่มความถี่มากขึ้น หรือถ้าแอร์ไลน์ไหนที่ หรือสายการบินใดอยากเปิดเส้นทางใหม่ก็ได้
3.ส่งเสริมตลาดเติบโตดี อาทิ ตลาดไมซ์ อินเซนทีฟ ซัมเมอร์แคมป์ คาราวาน แต่มีเงื่อนไขคือ ต้องมีจำนวนกลุ่มตั้งแต่ 30 คนขึ้นไป เข้าพัก 4 คืนขึ้นไป จากเฉลี่ยเดิมที่จะพักประมาณ 3 คืน เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ไทยต้องปลอดภัยจริง ดัน หนีห่าวมันธ์
นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. กล่าวว่า ตอนนี้จีนต้องการความจริงใจจากรัฐบาลไทย จากเดิมที่เรายืนกระต่ายขาเดียวบอกว่าเราปลอดภัยทุกอย่าง ซึ่งความจริงก็มีบางแง่มุมที่เราควรจะต้องส่งสารว่า มีบางจุดที่ไม่ได้ปลอดภัยมากขนาดนั้น และขอให้ระมัดระวังในการท่องเที่ยวไทย
เพราะจริงๆ แล้วนักท่องเที่ยวจีนมีความรักประเทศไทย อยู่ในใจตลอด แต่เมื่อเข้ามาเที่ยวไทยแล้ว หากมีอะไรที่ควรระมัดระวังในแง่มุมใดก็ช่วยบอกเขาบ้าง อย่าไปยืนกรานบอกว่าปลอดภัย 100% เพราะตัวนักท่องเที่ยวเองรู้ว่ามันไม่ใช่ ซึ่งจากการออกสื่อของหน่วยงานรัฐ ความน่าเชื่อถือก็ลดลง เพราะมีความขัดแย้งอยู่ในตัวเอง
“ตอนนี้ต้องประคองไม่ให้มีข่าวเชิงลบออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะการทำงานร่วมกันระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล ต้องกระชับความสำคัญมากกว่านี้จากที่ดีขึ้นเยอะ รวมถึงระดับบุคคลด้วยกันเอง เพราะการแชร์ข่าวของไทยไปในช่องทางต่างๆ เพราะจีนเห็นทุกข่าวของประเทศไทยที่ออกมา”
ส่วนแผนครึ่งหลังของปีนี้เนื่องปีหน้า เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทยจีน จะมีอีกหลายกิจกรรม อาทิ หนีห่าวมันธ์ เดือนตุลาคมนี้ และทำงานร่วมกับแต่ละเมืองของจีน ที่เข้ามาประชาสัมพันธ์เมืองจีนในไทย แต่จะร่วมมือกันเผยแพร่ภาพท่องเที่ยวไทยไปในช่องทางหลักของเมืองเหล่านั้น ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันแบบรัฐต่อรัฐ
เพราะคนจีนยังเชื่อสื่อรัฐบาลอยู่ จึงต้องจับจุดนี้ให้ได้ โดยเน้นย้ำว่าในเรื่องความปลอดภัย ภาคส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบต้องช่วยดูแลอย่างเข้มงวด
นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวไทยตอนนี้ถือเป็นกลุ่มที่มีฐานะดี ร่ำรวย มีความชื่นชอบประเทศไทย สะท้อนจากการใช้จ่ายต่อหัวที่เพิ่มขึ้นมาประมาณ 52,000 บาทต่อคนต่อทริป เพิ่มขึ้นจากปกติที่มีกรุ๊ปทัวร์เข้ามาเฉลี่ย
ทำให้มีการใช้จ่ายต่อหัวประมาณ 47,000-48,000 บาทต่อคนต่อทริป ททท.จะหันมาใช้กลุ่ม user generating content (ยูจีซี) หรือการสร้างกระแสชุมชนออนไลน์จากคนที่เข้ามาเที่ยวจริงแล้วรีวิวประเทศไทย เป็นระดับบุคคลที่ไม่ได้เป็นอินฟลูเอนเซอร์กระแสหลัก เพราะคนจีนดูรู้ว่าเป็นการจ้าง ไม่ได้รีวิวจากความจริง ทำให้จะดึงกลุ่มยูจีซีนี้ขึ้นมาประชาสัมพันธ์ออกไปมากขึ้น
CAATถกจีนขอผ่อนผัน สลอต 1 ปี
การชลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน ยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสายการบินเช่นกัน
พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย CAAT (กพท.) เปิดเผยว่า ตลาดจีน ในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างซบเซาลง และแม้จะยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เนื่องจากความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่เปลี่ยนไป เน้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ
กพท. อยู่ระหว่างหารือกับทางการจีน เพื่อผ่อนผันการใช้สิทธิตารางการบิน Slot ให้เป็น ระยะเวลา 1 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สายการบินของไทยสามารถนำอากาศยานไปให้บริการในตลาดสำคัญอื่น ๆ ชั่วคราว เพื่อชดเชยการชะลอตัวของตลาดจีน เพราะแม้ปริมาณนักท่องเที่ยวจีนจะลดลง แต่ ประเทศไทย ยังมีตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆเพิ่มขึ้น เช่น นักท่องเที่ยวจากแถบตะวันออกกลาง นักท่องเที่ยวจากแถบอาเซียนเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทาง กพท. ก็คาดหวังว่า ช่วงไฮซีซั่นปลายปี ตัวเลขปริมาณนักท่องเที่ยวจากจีนจะกลับคึกคักมากขึ้น ซึ่งตอนนี้สิ่งที่ กพท. ดำเนินการในปัจจุบันคือ การเน้นดึงตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่รายได้สูงเข้ามาเที่ยวประเทศไทยให้มากขึ้น
ทั้งหมดล้วนเป็นทิศทางตลาดนักท่องเที่ยวจีน และความพยายามในการฟื้นตลาดที่เกิดขึ้นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,119 วันที่ 3 - 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568