“หมอบี” เข้าพบ ตร. เคลียร์ปมเงินบริจาคนาน 10 ชม.
นายเสกสันน์ หรือ หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ เข้าพบตำรวจกองปราบแล้ว วานนี้ เวลา 14.30 น. (7 ส.ค.) แจงข้อมูลเงินบริจาค และแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยชุดสืบสวนจากกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ใช้เวลาสอบถามจนถึงเที่ยงคืน โดยรวมใช้เวลาเกือบ 10 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวได้พยามสอบถามกับหมอบีถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางหมอบีได้เปิดเผยสั้นๆว่า “ถ้าทำดี ทำด้วยใจบริสุทธิ์ มันไม่มีทางขัดกับกฎหมาย มันถูกต้อง”
หมอบี ยืนยันผ่านรายการแฉ ทางช่อง GMM25 ว่าไม่เคยยักยอกเงินบริจาค เงินทุกบาทถวายหลวงพ่ออลงกต ไม่ได้ถวายวัดโดยตรง โครงการต่างๆ เป็นไปตามดำริของหลวงพ่อ มีเอกสารประกอบชัดเจน และมีเงินหมุนเวียนในบัญชีตั้งแต่ปี 62 ถึงปัจจุบัน ถึง 200 ล้านบาท
หมอบี ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องแบ่งเงิน 70-30 เงินที่เบิกออกมาใส่ซองถวายหลวงพ่อ ก็จะแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการเปิดซองนับเงินให้ดู ส่วนเงินสดจะให้อดีตเลขาไปถอนมา โดยที่ตัวเองก็ไม่เคยตรวจสอบ ว่าถอนมาและให้หลวงพ่อครบหรือไม่ เพราะเชื่อใจ
ด้านปมบ้านและหรู ที่มีคนแชร์กัน หมอบีชี้แจงว่า เป็นบ้านตัวเองจริง แต่ราคาแค่ 30 ล้านบาท ไม่ได้เยอะตามที่เป็นข่าว ส่วนรถที่ใช้ ส่วนใหญ่ซื้อปกติ บางคันก็เป็นของพ่อแม่ ส่วนเงินที่ใช้จ่าย เป็นทรัพย์สินครอบครัว ธุรกิจทำมากว่า 50 ปี ไม่ได้ร่ำรวยจากเงินวัด ยอมรับว่าเหนื่อยใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะทำด้วยเจตนาดี และศรัทธาหลวงพ่อมาตลอด พร้อมประกาศว่า จากนี้จะไม่ยุ่งกับเงินอีกแม้แต่บาทเดียว และหากหลวงพ่อสั่งแถลงข่าวก็พร้อมทำ ย้ำจุดยืนว่า ไม่เคยทำผิด ไม่มีอะไรต้องหนี ตอนนี้เหลือเพียงรอกระบวนการสอบสวน และพร้อมให้ความร่วมมือทุกขั้นตอน ส่วนที่หลวงพ่อบอกว่าตัวเองไปสารภาพกับหลวงพ่อว่าใช้เงินผิดวัตถุประสงค์นั้น ไม่เป็นความจริง
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (7 ส.ค.) ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี มีการประชุมเรื่องเงินบริจาค และประเด็น “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” ในที่ประชุมมีการนำเอกสาร สรุปการรับบริจาคเงินจากหมอบีที่ถวายหลวงพ่อมาตรวจสอบ มีการระบุยอดเงินจากธนาคาร ยอดเงินที่หลวงพ่อรับ และยอดเงินที่ไม่ตรง พบว่ามียอดเงินที่หายไปหลักแสน ไปจนถึงหลักล้านบาท ตั้งแต่ปี 2566-2568 พบยอดเงินที่ไม่ตรง 5,404,200 บาท
หลังประชุมกว่า 1 ชั่วโมงหลวงพ่ออลงกต พร้อมทนายเกิดผล ซึ่งเป็นทนายความของวัด และไวยาวัจกร มาร่วมกันแถลงข่าว โดยบอกว่า เมื่อ10 ปีก่อนหมอบีเข้ามาเป็นจิตอาสา -ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆในวัด เริ่มจากจัดสัมมนา บรรยายธรรม ปฎิบัติธรรม และนิมนต์หลวงพ่อไปทำกิจกรรมอาสาต่างๆ กระทั่งปี 62- 63 มาขออนุญาตหลวงพ่อเปิดบัญชี "ใจฟ้าอาทรประชานาถ "สำหรับจัดกิจกรรม และนำเงินบริจาคไว้ให้หลวงพ่อ ช่วงปีแรกมีคนบริจาคประมาณ 4-5 ล้านบาท ก่อนจะเติบโตอย่างรวดเร็ว นับรวมยอดเงินบริจาคทั้งหมด มีถึง 100 ล้านบาท
แต่บัญชีใจฟ้าอาทรประชานารถ มีผู้ร้องเรียนว่า หมอบียักยอกเงิน ซึ่งหลวงพ่อทราบเมื่อปลายปี 67 ก่อนที่ผู้ร้องเรียนจะลาออกไป หลวงพ่อจึงเรียกหมอบีมาถาม หมอบีบอกหลวงพ่อว่า เอาเงินไปทำโครงการ เช่น ซื้อเครื่องมือแพทย์ ก็โอนเงินจากบัญชีไปที่ผู้ขายโดยตรง ซึ่งมีเป็น 100 โครงการ ส่วนเรื่องกระแสข่าวการแบ่งเงินบริจาค 70:30 หลวงพ่อได้ปฏิเสธ
ด้านทนายเกิดผล บอกว่า ตอนนี้ที่ประชุมมีมติ 4 ข้อ คือ
1. ห้ามหมอดูยุ่งเกี่ยวกับกิจการของวัดทุกอย่าง
2. ให้หมอดูปิดบัญชีรับบริจาคเงินที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ หากไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีตามกฏหมาย
3. ให้ยุติโครงการร้านกาแฟที่หมอดูเคยดำเนินการ ตลอดจนเข้าไปพิจารณาว่ามีส่วนไหนบ้างที่หมอดูถือหุ้น หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง
4. ให้ยุติการรับจิตอาสาทั้งหมดไว้ก่อน
หลังจากนั้นทนายเกิดผล และไวยาวัจกร ก็ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองลพบุรี โดยจะรวบรวมพยานหลักฐานอีกครั้ง ว่าเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงลักษณะไหน แล้วจะไปแจ้งความอีกที
ขณะที่ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เผยว่า มีการร้องเรียนมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวตั้งแต่ต้นมีนาคมที่มาผ่าน หลังพบพิรุธการเบิกถอนเงินจากบัญชีของหมอบี จากนั้นชุดสืบสวนลงไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว จนพบข้อมูล ว่ามีการเบิกถอนออกมา 101 ครั้ง รวมกว่า 200 ล้านบาท บางครั้งมีการเบิกในบางรายการ เช่น ประมาณ 3 ล้านกว่า แต่ส่งมอบให้กับเจ้าอาวาสเพียงกว่า 1 ล้านบาทเท่านั้น และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นเงินพร้อมนำ ที่มีการเบิกถอนจากบัญชีที่แท้จริงมีจำนวนเท่าไหร่ และเงินที่ทางวัดได้รับตรงกันหรือไม่ ส่วนจะเข้าข่ายฉ้อโกงหรือไม่ ต้องดูเจตนา แต่จากการตรวจสอบข้อมูลที่ผ่านมา ยอมรับว่าเรื่องนี้มีมูลว่าเข้าข่าย ส่วนเจ้าอาวาสจะมีส่วนกระทำผิดในฐานะเจ้าพนักงานหรือไม่ ต้องดูที่เจตนาของท่าน อยากเตือนเจ้าอาวาสว่า การทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนก็จะส่งผลกระทบ ท่านต้องไม่ลืมว่าตัวท่านเองก็เป็นเจ้าพนักงาน.