รู้จัก Matt Deitke วัย 24 ปี ที่ Meta ทุ่มเงิน 8.8 พันล้านบาท ดึงตัวร่วมทีมพัฒนา AI
ช่วงนี้มีข่าวว่า Meta ไล่ดึงตัวคนเก่ง ๆ ในวงการ AI เพื่อเร่งเครื่อง-ในการสร้าง “Superintelligence” หรือ AI ที่ฉลาดเหนือมนุษย์ ดูเวอร์วังสุด ๆ แต่มูลค่าข้อเสนอที่ Meta ใช้ซื้อตัวเหล่าคนเก่งนี่สิ…ต้องบอกว่า “เวอร์วัง” กว่าเยอะ
อย่างกรณีของ แอนดริว ทัลลอช (Andrew Tulloch) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Thinking Minds Lab และอดีตเพื่อนร่วมงานของ ไมรา มูราติ (Mira Murati) CTO ของ OpenAI ก็ยังปฏิเสธข้อเสนอจาก Meta ที่มูลค่าสูงถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 48,000 ล้านบาท)
แต่ในขณะเดียวกัน คนเก่งอีกหลายคน อย่าง รัวหมิง ปัง (Ruoming Pang) อดีตหัวหน้าทีมโมเดล AI ของ Apple และ เฉิงเจีย จ้าว (Shengjia Zhao) อดีตนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของ Open AI ก็ยอมรับข้อเสนอและกระโดดเข้าสู่ทีมของ Meta อย่างไม่ลังเล
Matt Deitke คือใคร ?
แมตต์ ไดท์เก้ (Matt Deitke) เคยเรียนต่อระดับปริญญาเอกด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) แต่ลาออกกลางคัน เขาเคยทำงานเป็นนักวิจัยที่ Allen Institute for AI ซึ่งเป็นห้องแล็บ AI ที่มีชื่อเสียงในซีแอตเทิล
ช่วงที่อยู่ที่นั่น เขาเป็นหัวหน้าทีมพัฒนาโปรเจกต์ที่ชื่อ “Molmo” ซึ่งเป็นแชตบอตที่สามารถประมวลผลทั้งภาพ เสียง และข้อความได้ในเวลาเดียวกัน คล้ายกับระบบ AI ที่ Meta กำลังตั้งเป้าจะพัฒนา
หลังจากนั้น ไดท์เก้ ก็รวมตัวกับเพื่อนร่วมทีมจาก Allen Institute ก่อตั้งสตาร์ตอัป AI ที่ชื่อว่า “Vercept” ซึ่งมุ่งพัฒนา AI Agents อัจฉริยะที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างลึกซึ้ง
ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานประมาณ 10 คน และสามารถระดมทุนได้แล้วถึง 16.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 530 ล้านบาท) โดยหนึ่งในนักลงทุนก็ไม่ใช่ใครอื่น คือ เอริค ชมิดท์ (Eric Schmidt) อดีต CEO ของ Google นั่นเอง
Meta ทุ่มเงิน 8,800 ล้านบาท ดึงตัว Matt Deitke ร่วมทีม
แต่ล่าสุดชื่อของ แมตต์ ไดท์เก้ ก็ถูกพูดถึงมากขึ้น หลังมีรายงานจาก The New York Times ว่าเขาเข้าร่วมกับหน่วยงานใหม่ของ Meta ที่ชื่อว่า Superintelligence Labs หลังจากได้คุยตัวต่อตัวกับ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) โดยตรง
เดิมที Meta เสนอค่าตอบแทนให้เขาประมาณ 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 4,400 ล้านบาท) ในรูปแบบหุ้นและเงินสดกระจายตลอด 4 ปี แต่เขากลับปฏิเสธ !
เลยทำให้ ซักเคอร์เบิร์ก ต้องลงมาจัดการเอง ด้วยการเสนอแพ็กเกจใหม่มูลค่ารวม 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 8,800 ล้านบาท) พร้อมจ่ายล่วงหน้าสูงสุด 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,500 ล้านบาท) ในปีแรกเลยทีเดียว
ที่ผ่านมา ซักเคอร์เบิร์ก ยังพยายามเข้าพบคนเก่งอีกหลายรายแบบตัวต่อตัว เพื่อซื้อตัวพวกเขาเข้ามาร่วมพัฒนา Superintelligence ที่สามารถเรียนรู้และคิดวิเคราะห์ได้เร็วกว่ามนุษย์ และก้าวหน้ากว่าทุกคน ส่งผลให้ Meta “ไล่ซื้อตัว” คนเก่งจาก OpenAI, Anthropic, Google และ Apple เข้ามาร่วมทีม
ในรายงานผลประกอบการล่าสุด Meta ยังเปิดเผยว่า บริษัทจะเพิ่มงบลงทุน (Capital Expenditure) เป็น 72,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2 ล้านล้านบาท) ในปี 2025 จากเดิมแค่ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 970,000 ล้านบาท) ในปีที่แล้ว บอกเลยว่าทุ่มสุดตัวจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าการที่ Meta ยอมทุ่มทุนอย่างมหาศาล ดึงคนหัวกะทิมาร่วมพัฒนาแบบนี้ จะทำให้ Superintelligence ใช้ได้ซูเปอร์ตามชื่อรึเปล่า ยังไงต้องรอติดตามกันต่อไป