ผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯ สั่งปิดศูนย์กักกันผู้อพยพกลางดงจระเข้ของ “ทรัมป์”
เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งปิด “อัลคาทราซจระเข้” ซึ่งเป็นศูนย์กักกันผู้อพยพในรัฐฟลอริดาของรัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยระบุว่า ศูนย์กักกันแห่งนี้กำลังสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงต่อฟลอริดาเอเวอร์เกลดส์ ซึ่งเป็นมรดกโลกของยูเนสโก และให้เวลารัฐบาลทรัมป์ 60 วันในการยุติการดำเนินงาน
นอกจากนี้ คำตัดสินยังระบุว่า ไม่อนุญาตให้นำผู้ต้องขังเข้ามายังศูนย์กักกันอีกต่อไป และห้ามการก่อสร้างหรือขยายพื้นที่ใด ๆ ในพื้นที่ดังกล่าว
รัฐฟลอริดา ซึ่งร่วมมือกับรัฐบาลทรัมป์ในการก่อสร้างศูนย์กักกันแห่งนี้ ได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว
คำตัดสินดังกล่าวถือเป็นอุปสรรคทางกฎหมายครั้งใหญ่ต่อแผนการของทรัมป์ในการสร้างศูนย์กักกันแห่งนี้ ซึ่งก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับสภาพที่เลวร้ายและอาจเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศในท้องถิ่น
ผู้พิพากษา แคธลีน วิลเลียมส์ ผู้ได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามา กล่าวว่า ศูนย์แห่งนี้กำลังสร้างความเสียหายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ต่อเอเวอร์เกลดส์ รัฐฟลอริดา และสัตว์ใกล้สูญพันธุ์
เธอยังสั่งปิดเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ระบบก๊าซ ระบบบำบัดน้ำเสีย และระบบรับของเสียอื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถในการดำเนินงานของศูนย์
ผู้พิพากษาวิลเลียมส์อ้างถึงแผนการสร้างสนามบินท่องเที่ยวในเอเวอร์เกลดส์ในช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งถูกปฏิเสธเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น
“นับตั้งแต่นั้นมา ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาทุกคน สมาชิกวุฒิสภาทุกคน และบุคคลสำคัญทางการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติจำนวนนับไม่ถ้วน รวมถึงประธานาธิบดี ได้ให้คำมั่นสัญญาต่อสาธารณชนว่าจะสนับสนุนการฟื้นฟู อนุรักษ์ และคุ้มครองเอเวอร์เกลดส์อย่างไม่มีเงื่อนไข” เธอบอก
วิลเลียมส์เสริมว่า “คำสั่งล่าสุดนี้ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการรักษาข้อกำหนดพื้นฐานของกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อให้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาเหล่านั้น”
กลุ่มสิ่งแวดล้อมที่ยื่นคำร้องคัดค้านกฎหมายต่างแสดงความยินดีกับคำตัดสินนี้
อีฟ แซมเพิลส์ กรรมการบริหารของกลุ่มอนุรักษ์ Friends of the Everglades กล่าวว่า “นี่เป็นชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับเอเวอร์เกลดส์และชาวอเมริกันจำนวนนับไม่ถ้วนที่เชื่อว่าพื้นที่ป่าอันใกล้สูญพันธุ์แห่งนี้ควรได้รับการปกป้อง ไม่ใช่ถูกเอารัดเอาเปรียบ”
เธอเสริมว่า “นี่เป็นการส่งสารที่ชัดเจนว่าผู้นำในระดับสูงสุดของรัฐบาลต้องเคารพกฎหมายสิ่งแวดล้อม และการเพิกเฉยต่อกฎหมายเหล่านี้ย่อมมีผลตามมา”
คำตัดสินนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้พิพากษาวิลเลียมส์ได้ออกคำสั่งห้ามชั่วคราวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสั่งให้หยุดการก่อสร้างในสถานที่ดังกล่าว
“อัลคาทราซจระเข้” ถูกยกให้เป็นหัวใจสำคัญของการปราบปรามผู้อพยพผิดกฎหมายของรัฐบาลทรัมป์ มันถูกสร้างขึ้นกลางหนองน้ำในไมอามี ชื่อของมันมาจากสัตว์ป่าอย่างจระเข้ งูเหลือม และงูหลามในพื้นที่ชุ่มน้ำโดยรอบ ซึ่งทรัมป์กล่าวว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ถูกคุมขังหลบหนี
สถานที่แห่งนี้ได้รับการออกแบบให้รองรับผู้ถูกคุมขัง 3,000 คน และได้รับการยกย่องให้เป็นต้นแบบของศูนย์กักขังในอนาคตที่จะสนับสนุนนโยบายการเนรเทศผู้อพยพของรัฐบาลทรัมป์
ระหว่างการเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ในเดือน ก.ค. ทรัมป์ยกย่องศักยภาพของศูนย์กักขังแห่งนี้ในการ “กักขังผู้อพยพที่อันตรายที่สุด และบางคนก็เป็นคนที่โหดร้ายที่สุดในโลก”
แต่นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการ แห่งนี้ก็ตกเป็นเป้าหมายของการฟ้องร้องและคำร้องเรียนจากนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมและประชาชนในท้องถิ่นหลายครั้ง
ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ความเสียหายต่อพื้นที่ชุ่มน้ำและสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในพื้นที่อาจทำลายความพยายามอันยิ่งใหญ่ของรัฐฟลอริดาในการฟื้นฟูเอเวอร์เกลดส์ ซึ่งทำให้รัฐต้องสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์
เรียบเรียงจาก BBC
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯ สั่งปิดศูนย์กักกันผู้อพยพกลางดงจระเข้ของ “ทรัมป์”
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com