โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘มาริษ’ ส่งหลักฐานถึงรองข้าหลวงใหญ่ ‘ยูเอ็น’ ย้ำชัด ‘กัมพูชา’ รุกรานไทย

เดลินิวส์

อัพเดต 28 สิงหาคม 2568 เวลา 2.53 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
‘มาริษ’ส่งหลักฐานถึงมือรองข้าหลวงใหญ่‘ยูเอ็น’ ที่เจนีวา ย้ำ ‘กัมพูชา’ สังหารพลเรือน-ใช้เฟคนิวส์สร้างโฆษณาชวนเชื่อ จ่อคุยวงใหญ่‘รัฐภาคีออตตาวา’ ให้โน้มน้าวเขมรกู้ทุ่นระเบิด

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ได้หารือทวิภาคีกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่สำนักงานใหญ่ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังจากก่อนหน้านี้ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เคยยื่นหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อส่งข้อมูลเกี่ยวกับกรณีที่ประเทศกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในอาณาเขตของประเทศไทย เป็นไปตามพันธะกรณีภายในอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหรืออนุสัญญาออตตาวา

ทั้งนี้ นายมาริษได้ยื่นหลักฐานต่อรองข้าหลวงใหญ่ฯ ทั้งเอกสารและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ เพื่อให้ทุกฝ่ายทราบว่ามีการปฏิบัติการที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยไม่สามารถยอมรับได้ ทั้งการโจมตีแบบไม่เลือกเป้า การโจมตีในเขตพื้นที่พลเรือน การใช้ทุนระเบิดสังหารบุคคล และการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ ซึ่งขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ ขณะที่ รองข้าหลวงใหญ่ฯ กล่าวขอบคุณที่รมว.ต่างประเทศของไทยเดินทางมาด้วยตัวเอง ทำให้สามารถพูดคุยสอบถามได้โดยตรง และเป็นการแสดงความจริงใจและจริงจังในการแก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนตลอดแนวพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา อีกทั้งได้มีหนังสือตอบกลับเพื่อเน้นย้ำความสำคัญเกี่ยวกับการใช้การสื่อสารในทางโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อสร้างความขัดแย้งในหมู่ประชาชน ทำให้เกิดความแตกแยกปลุกปั่นให้เกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายมากยิ่งขึ้น

จากนั้น นายมาริษ ให้สัมภาษณ์หลังการเข้าพบว่า ตนได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชา ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯ มีความเห็นที่สนับสนุนฝ่ายไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่ห่วงใยไทยมากเช่นกัน ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้สื่อโซเชียลโจมตีไทยมานานแล้ว รวมถึงมีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ แต่เมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้น ไทยได้พยายามแก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลงตามเอ็มโอยู ไทย-กัมพูชา พ.ศ.2543 ที่กำหนดให้ต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธีและด้วยความจริงใจ เป็นกลไกที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้ความสำคัญ

รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนหยิบยกประเด็นที่สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อัดเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทย แล้วนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง อีกทั้ง ตนได้อธิบายถึงการปะทะกันของทหารที่เกิดขึ้นจากฝ่ายกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทยด้วยการใช้ทุ่นระเบิดและทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ ซึ่งในช่วงแรกไทยไม่ใช้กำลังตอบโต้ แต่ใช้วิธีปิดพรมแดนเพื่อไม่ให้ปัญหาทุ่นระเบิดขยายตัวไปถึงประชาชน แต่กัมพูชากลับมาโจมตีไทยก่อน เราจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางทหารโดยการจำกัดวง ซึ่งเป็นไปตามกฎบัตรยูเอ็น และกัมพูชายังละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศด้วยการใช้โล่มนุษย์ และให้พลเรือนมากดดันปฏิบัติการทางทหาร โดยไทยมีเขตพื้นที่ทางทหารอย่างชัดเจน การพูดคุยครั้งนี้เป็นสัญญาณบวกที่ดี ทำให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ เข้าใจมากขึ้นในหลายเรื่องว่าไทยพยายามทำทุกอย่างตามกฎบัตรยูเอ็น

เมื่อถามว่ารองข้าหลวงใหญ่ฯ ให้คำแนะนำอย่างไรบ้าง นายมาริษ กล่าวว่า รองข้าหลวงใหญ่แนะนำอย่างเดียว คือเป็นไปตามกฎระเบียบของทั้งหมด และสนับสนุนเรื่องการพูดคุย เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยต้องหาทางทำให้ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศไม่เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อีกทั้งไม่สนับสนุนการใช้สื่อโซเชียลเผยแพร่ข้อความบิดเบือน และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสาร

นอกจากนี้ นายมาริษ ยังมีกำหนดการเข้าพบเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำการประชุมด้านการลดอาวุธ ในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti Personel Mine Ban Convention : APMBC) ครั้งที่ 22 รวมถึงการพบหารือกับหัวหน้าการลดอาวุธแห่งสหประชาชาติ อีกทั้งจะพบหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (APMBC) ด้วย เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ทั้งหมด ต่อรัฐภาคีสำคัญในคณะกรรมการภายใต้อนุสัญญาออตตาวาที่กำกับดูแลการปฏิบัติตามอนุสัญญานี้ ซึ่งจะได้พบกลุ่มประเทศผู้บริจาคภารกิจการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและช่วยเหลือเหยื่อที่ได้รับผลกระทบ และภาคประชาสังคมระหว่างประเทศที่ทำงานด้านทุ่นระเบิด มีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้กัมพูชากลับเข้ามาปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา ร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดกับไทย

นอกจากนี้ ไทยจะเข้าร่วมโครงการรณรงค์ของเลขาธิการสหประชาชาติว่าด้วยการลดอาวุธเพื่อมนุษยธรรมและปฏิบัติการทุ่นระเบิด เป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์และความจริงใจของไทยต่อการแก้ปัญหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทั่วโลก.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

นัดล้างตา! ตบสาวไทย ดวล ญี่ปุ่น รอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกชิงแชมป์โลก 2025

22 นาทีที่แล้ว

‘จ๊ะ นงผณี’ หวิดซวย ตกเป็นเหยื่อวัดพระบาทน้ำพุ รอดปาฏิหาริย์เพราะมีพี่เตือน!

28 นาทีที่แล้ว

ตื่นตา! “ฉลามครีบดำ” โผล่อวดโฉม หากินชายหาดอ่าวมาหยานับร้อยตัว

38 นาทีที่แล้ว

ฝนตกถนนลื่น! กระบะสวนเลนชนรถนักเรียน เด็กเจ็บ 8 ราย คนขับสาหัส

38 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

มอบโฉนดชุมชนรายแปลงให้ชาวบ้านห้วยหินลาดใน "อบต." พร้อมออกข้อบัญญัติหนุน

สยามรัฐ

รมว.ทส. สั่งฝึกซ้อมผู้พิทักษ์ป่าชายแดน เผชิญเหตุวัตถุระเบิด เตรียมพร้อมก่อนลาดตระเวน

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

รัฐบาลเตือนประชาชนอย่าประมาท แม้ล่าสุดยังไม่พบผู้เสียหายสแกนม่านตาแลกเงิน

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ชยิกา เผย มาริษ เตรียมฟ้อง UN ทหารไทยเหยียบระเบิด จี้เขมรร่วมเก็บกู้

Khaosod

พรรคประชาชน ค้านรัฐบาลใช้เงิน รฟม. อุดหนุนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

“มาริษ” พบข้าหลวงใหญ่ยูเอ็น โชว์หลักฐาน กัมพูชาฝ่าฝืนออตตาวา ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

PPTV HD 36

ข่าวและบทความยอดนิยม