ผู้บริโภคหันเน้นบ้านคุณภาพ-ปลอดภัย กดดันตลาดรับสร้างบ้านปรับตัว
สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association หรือ THBA) เปิดเผยรายงานทิศทางตลาดรับสร้างบ้านปี 2568 ชี้พฤติกรรมผู้บริโภคไทยเปลี่ยนจากการเน้นราคาและงบประมาณ มาให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความคุ้มค่า และความปลอดภัยของโครงสร้างบ้านมากขึ้น หลังเผชิญปัจจัยเสี่ยงทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง รวมถึงเหตุการณ์ภัยธรรมชาติและแผ่นดินไหวที่สร้างความกังวล
นายนิรัญ โพธิ์ศรี นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า มูลค่าตลาดรวมของบ้านสร้างเองทั่วประเทศในปีนี้คาดว่าจะลดลงเหลือเพียง 110,000–120,000 ล้านบาท จาก 130,000 ล้านบาทในปีก่อน ขณะที่ตลาดรับสร้างบ้านโดยบริษัทลดลงจาก 18,000 ล้านบาท เหลือ 14,000 ล้านบาท หรือหดตัวกว่า 22% นับเป็นการชะลอตัวรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์เชิงลึกพบว่า ความต้องการสร้างบ้านไม่ได้หายไป แต่ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจ โดยยังยึดหลักเลือกใช้วัสดุโครงสร้างที่มีคุณภาพไว้เช่นเดิม สะท้อนถึงความสำคัญที่เปลี่ยนจากการแข่งขันด้านราคา มาเป็นความมั่นคงและความเชื่อมั่นในผู้ประกอบการ โดยผลสำรวจล่าสุดระบุว่า กว่า 90% ของผู้บริโภคต้องการเลือกบริษัทที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง และมากกว่า 50% พร้อมเพิ่มงบประมาณเพื่อยกระดับคุณภาพโครงสร้าง
ขณะเดียวกัน โครงสร้างประชากรไทยที่เข้าสู่สังคมสูงวัย และแนวโน้มครอบครัวขนาดเล็ก กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เกิดความต้องการแบบบ้านที่ตอบโจทย์คนหลายช่วงวัย พร้อมพื้นที่ใช้สอยที่ยืดหยุ่น รวมถึงเทรนด์บ้านยั่งยืนและประหยัดพลังงานที่ผู้บริโภคกว่า 90% ให้ความสนใจ โดยกว่า 80% ยอมจ่ายเพิ่มเพื่อบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เช่น การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปและการใช้วัสดุก่อสร้างที่ช่วยลดความร้อน
นายสิทธิพร สุวรรณสุต กรรมการกิตติมศักดิ์ สมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับกลยุทธ์จากการแข่งขันด้านราคามาสู่การสร้างคุณค่า ทั้งในแง่ความปลอดภัย ความยั่งยืน และบริการครบวงจร เพื่อสร้างความแตกต่างและรักษาความเชื่อมั่นในตลาดที่มีความท้าทายสูง โดยเฉพาะการรองรับตลาดผู้สูงอายุและครอบครัวขยาย รวมถึงการนำเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมและวัสดุประหยัดพลังงานมาใช้เป็นจุดขาย
ทั้งนี้ แม้ภาพรวมตลาดจะหดตัว แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าอุปสงค์จะกลับมาในอนาคตในรูปแบบที่ต่างออกไป โดยผู้บริโภคจะเลือกสร้างบ้านที่ตอบโจทย์ “ความมั่นคงระยะยาว” มากกว่าบ้านราคาถูก ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดรับสร้างบ้านไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งสำคัญ