นักลงทุนแห่ขยายพอร์ต 'คอนโด-วิลล่าเช่า' ทำเลท่องเที่ยวกำไรพุ่ง
ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการปล่อยเช่าในพื้นที่ท่องเที่ยว กำลังกลับมาคึกคักอย่างโดดเด่นในปี 2568 อาจกลายเป็น "โอกาสทอง" ของนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนสูงจากกระแสการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมและวิลล่าหรูในหัวเมืองหลักที่ถูกกว้านซื้อเพื่อปรับพอร์ตเป็นทรัพย์สินสำหรับปล่อยเช่าระยะสั้น ซึ่งสร้างผลกำไรที่สูงกว่าการเช่าระยะยาวทั่วไป
แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดย SCB EIC คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 มีแนวโน้มสูงถึงประมาณ 40 ล้านคน เทียบเท่าก่อนช่วงการระบาดใหญ่ ซึ่งนำมาสู่ความต้องการที่พักอาศัยที่ยืดหยุ่น โดยเฉพาะในรูปแบบของการเช่าระยะสั้นและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
รวมถึงศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (AREA) และ ซีบีอาร์อี (CBRE) ได้ระบุว่า ปัจจัยนี้ทำให้ตลาดบ้านเช่าในทำเลท่องเที่ยวกลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง (Second Home) และเพื่อการลงทุนปล่อยเช่า
ประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่นักลงทุนนิยมเข้าซื้อมากที่สุดคือ คอนโดมิเนียม สำหรับการปล่อยเช่ารายบุคคล และ วิลล่า (Villa)โดยเฉพาะกลุ่มวิลล่าหรูและพูลวิลล่าเพื่อรองรับการพักผ่อนเป็นกลุ่มครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) รายงานว่า หัวเมืองท่องเที่ยวที่มีการค้นหาอสังหาฯ เพื่อซื้อและเช่าสูงสุด รองจากกรุงเทพฯ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ และชลบุรี พื้นที่พัทยา ซึ่งเป็นทำเลที่ดึงดูดทั้งนักลงทุนและกลุ่มผู้เช่าระดับบน
โดยราคาเช่าต่อเดือนและต่อคืนในทำเลเหล่านี้เริ่มมีการปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ภูเก็ต เป็นตลาดที่มีความโดดเด่นของวิลล่าหรูที่ชัดเจนที่สุด โดยมีกลุ่มนักลงทุนจากรัสเซีย ยุโรป และจีนให้ความสนใจสูงมากในย่านพรีเมียม
ด้านผลตอบแทนจากการให้เช่า (Rental Yield) ถือเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นการตัดสินใจของนักลงทุน แม้ว่าค่าเฉลี่ยผลตอบแทนเบื้องต้น (Gross Rental Yield หรือ GRY) ของคอนโดมิเนียมในตลาดท่องเที่ยวโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 4%-6% แต่ผลตอบแทนที่แท้จริงต้องเปรียบเทียบจากรายได้รวม
- คอนโดมิเนียม สามารถสร้างผลตอบแทน GRY จากการปล่อยเช่าระยะสั้นได้สูงถึง 7%-10% เนื่องจากต้นทุนเข้าซื้อต่อยูนิตต่ำกว่า โดยมีค่าเช่าต่อคืนโดยเฉลี่ยประมาณ 2,500-4,500 บาท ในช่วงฤดูท่องเที่ยว (High Season)
- วิลล่าหรู มีราคาเข้าซื้อที่สูงกว่ามาก ทำให้ค่า GRY ในเชิงเปอร์เซ็นต์อาจอยู่ที่ 4%-6% แต่รายได้จากค่าเช่ารายวันมีมูลค่าสูงกว่าคอนโดมิเนียม โดยทั่วไปวิลล่าหรูมีอัตราค่าเช่าต่อคืนโดยเฉลี่ยสูงถึง 15,000-30,000 บาท ซึ่งส่งผลให้รายได้รวมต่อปี (Absolute Revenue) ของวิลล่าในทำเลศักยภาพสูงกว่าคอนโดมิเนียมอย่างชัดเจน อาจสูงกว่ากันถึง 3-5 เท่าตามขนาดและทำเล ซึ่งตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดจำนวนมาก
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ตลาดบ้านเช่าทำเลท่องเที่ยวในครึ่งหลังของปี 2568 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (AREA) คาดการณ์ว่านักลงทุนรายใหญ่จะยังคงมองหาโอกาสในการขยายพอร์ตการลงทุนในรูปแบบของคอนโดมิเนียมและวิลล่าหรูในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดการท่องเที่ยว ซึ่งทำให้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าทำเลท่องเที่ยวมีความน่าสนใจกว่าตลาดซื้อขายที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ที่กำลังชะลอตัว