HANN วิ่งชนซีลลิ่ง! โบรกชี้พื้นฐานแกร่ง รับอานิสงส์ขยาย รพ.-ลูกค้ารัฐหนุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ส.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ HANN ณ เวลา 10:07 น. อยู่ที่ระดับ 2.74 บาท บวก 0.62 บาท หรือ 29.25% สูงสุดที่ระดับ 2.74 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 207.76 ล้านบาท
บล.กรุงศรี ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ HANN แข็งแกร่ง โดยมองว่าบริษัทมีความน่าสนใจ 1) ให้บริการเป็นเครือข่าย รพ. 3 แห่ง ที่ตั้ง รพ.มีโอกาสเติบโตจากลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ 2) กลุ่มลูกค้าเป้าหมายครอบคลุมลูกค้าทั่วไปและสิทธิโครงการรัฐ ซึ่งรายได้สิทธิโครงการรัฐค่อนข้างแน่นอน (สัดส่วนรายได้ 26%) 3) มีศักยภาพรักษาโรคซับซ้อนเฉพาะทาง โดยเฉพาะกลุ่มโรคที่เป็นกันมากในพื้นที่ ทำให้ได้เปรียบการแข่งขัน 4) การเพิ่มเตียงฟอกไตและขยายศักยภาพห้องผ่าตัด คาดช่วยต่อยอดการเติบโตทั้งการใช้บริการและ Intensity ค่ารักษาตามความซับซ้อนของโรค จุดเด่นรักษาโรคซับซ้อนเฉพาะทาง โครงสร้างลูกค้ากระจายตัว
HANN เป็นรพ.เอกชนระดับกลาง มีเครือข่าย รพ. 3 แห่ง ในจังหวัดมุกดาหาร 1 แห่ง ได้แก่ รพ.มุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล และจังหวัดยโสธร 2 แห่ง ได้แก่ รพ.นายแพทย์หาญ และรพ.รวมแพทย์ ยโสธร มีจำนวนเตียงรวม 148 เตียง การให้บริการทางการแพทย์ครอบคลุมกว่า 16 ศูนย์การแพทย์ รวมทั้งทีมสหวิชาชีพมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญโรคเฉพาะทาง เช่น โรคไต, มะเร็ง, สูติ-นรีเวช, กุมารเวช, ระบบทาง เดินปัสสาวะ, หัวใจและหลอดเลือด
นอกจากนี้บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายครอบคลุมลูกค้าทั่วไประดับกลาง และสิทธิโครงการรัฐ สปสช., ประกันสังคม, กรมบัญชีกกลาง) นอกจากนี้ ทำเลที่ตั้งของ รพ.ในเครือทั้ง 3 แห่ง และชื่อเสียงในการรักษาเป็นที่ยอมรับ ทำให้มีลูกค้าชาวลาวและกัมพูชาเข้ามาใช้บริการ รวมทั้งมีโอกาสขยายตลาดทั้ง 2 ประเทศเพิ่มเติม
ทั้งนี้คาดว่าในปี 68-72 จะมีกำไรสุทธิ 32 ล้านบาท เพิ่มเป็น 57 ล้านบาท ในปี 72 หรือมีอัตราการเติบโตต่อปี +22% CAGR เนื่องจากคาดรายได้เติบโตต่อปี +8% ตามการใช้บริการและค่ารักษาเฉลี่ยเติบโตต่อปีราว 4% มีปัจจัยบวกจากการขยายศักยภาพให้บริการของ รพ.มุกดาหารอินเตอร์,ขยายกำลังห้องผ่าตัดเคสโรคซับซ้อนเฉพาะทาง และขยายศูนย์ไตเทียมจาก 16 เตียงเป็น 24 เตียง รวมทั้งคาดมีEconomies of scale จากจำนวนการใช้บริการเพิ่มขึ้น และบริหารค่าใช้จ่าย ได้มีประสิทธิภาพ ทำให้คาด EBITDA margin ดีขึ้นจาก 14.3% ในปี 68 เป็น 17.4% ในปี 72