พระยาจ่าแสนบดีศรีบริบาล ขุนนางสยามคนสำคัญ ผู้เรียบเรียงพงศาวดารเขมร สมัยรัชกาลที่ 4-5
พระยาจ่าแสนบดีศรีบริบาล ขุนนางสยามคนสำคัญ ผู้เรียบเรียงพงศาวดารเขมร สมัยรัชกาลที่ 4-5
พงศาวดารกัมพูชา หรือ พงศาวดารเขมร มีทั้งที่เขียนขึ้นจากมุมมองของฝ่ายเขมร และที่เรียบเรียงขึ้นจากมุมมองของฝ่ายสยาม อย่างในสมัยรัชกาลที่ 4-5 ก็มีพงศาวดารเขมร ที่ พระยาจ่าแสนบดีศรีบริบาล (เดช คฤหเดช) ขุนนางชาวสยามเป็นผู้เรียบเรียงขึ้น
พระยาจ่าแสนบดีฯ มีนามเดิมว่า เดช คฤหเดช ในรัชกาลที่ 4 รับราชการมีตำแหน่งเป็น หลวงศรีเสนา ต่อมาได้เลื่อนเป็น พระราชเสนา
ท่านเดินทางออกไปราชการกรุงกัมพูชาหลายครั้ง ทั้งยังเป็นอุปทูตในคณะทูตที่เดินทางไปฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. 2409 และยังได้ออกไปปักปันเขตแดนทางเมืองเขมรกับฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. 2410 อีกด้วย
เข้าสู่รัชกาลที่ 5 ท่านได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระยาราชเสนา พอถึง พ.ศ. 2420 รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาราชเสนาเป็น พระยาจ่าแสนบดีศรีบริบาล เป็นกรมมหาดไทยฝ่ายพลำพัง ถือศักดินา 2400
ด้วยเหตุที่พระยาจ่าแสนบดีฯ เป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญระหว่างไทยกับกัมพูชาในเวลานั้น ตั้งแต่เป็นหลวงศรีเสนา และเลื่อนเป็นพระราชเสนาในรัชกาลที่ 4 ได้เดินทางออกไปกรุงกัมพูชาหลายครั้ง และได้บันทึกทำเนียบบรรดาศักดิ์กรุงกัมพูชา รวมทั้งเป็นผู้มีส่วนร่วมในการบันทึก “พงศาวดารเมืองพระตะบอง” จึงนับได้ว่าท่านเป็นผู้มีความรู้เกี่ยวกับกัมพูชาเป็นอย่างดี
ปรากฏในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกัมพูชา ซึ่งพระยาจ่าแสนบดีฯ มีส่วนเรียบเรียง เท่าที่พบในเวลานี้ ได้แก่
“พงศาวดารเมืองพระตะบอง”
พงศาวดารฉบับนี้มี 2 สำนวน สำนวนที่ 1 พระยาจ่าแสนบดีฯ ที่ขณะนั้นยังเป็นพระราชเสนา เป็นผู้จดตามคำบอกของ พระคทาธรธรณินทร์ (เยีย) (ต่อมาคือ เจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์) ปรากฏในคำนำ “พงศาวดารเมืองพระตะบอง” พระนิพนธ์ใน สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า
“… เมื่อในรัชกาลที่ 4 พระยาอภัยภูเบศร์ (นอง) ถึงอนิจกรรม เจ้าพระยาคทาธรฯ ยังเปนพระคทาธรฯ เข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีรับสั่งให้พระราชเสนาถามลำดับวงศ์สกุลผู้สำเร็จราชการเมืองพระตะบองแต่ก่อนมา เจ้าพระยาคทาธรฯ จึงชี้แจงให้จดเนื้อความทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อปีวอก พ.ศ. 2403 …”
สำนวนที่ 2 เมื่อรัชกาลที่ 5 โปรดให้รวบรวมหนังสือพงศาวดารต่างๆ ครั้งนั้นพระยาราชเสนามีราชการออกไปเมืองพระตะบอง ทำนองจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปหาหนังสือ “พงศาวดารเมืองพระตะบอง” เข้ามาถวายด้วย ปรากฏว่าเจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์เรียบเรียง “พงศาวดารเมืองพระตะบอง” มอบให้พระยาราชเสนานำมาทูลเกล้าฯ ถวายอีกเรื่องหนึ่ง
ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า พระยาราชเสนามีส่วนเกี่ยวข้องกับ “พงศาวดารเมืองพระตะบอง” ทั้ง 2 ฉบับ
“พงศาวดารเขมร ฉบับพระยาราชเสนา (เดช)”
พงศาวดารฉบับนี้เรียบเรียงขึ้นในรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2417 ดังปรากฏความในบานแพนกว่า
“วันเสาร์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 4 ปีจอนักษัตร ศักราช 1236 ปี พญาราชเสนาปริวิเคาน์ซิล ปลัดทูลฉลอง กรมมหาดไทยซ้าย เรื่องลำดับเจ้านายฝ่ายเขมร แลเมื่อกองทัพกรุงเทพยกออกไป และองค์สมเด็จพระนโรดมได้เป็นเจ้าแดนเมืองเขมรเข้าอยู่ในบำรุงฝรั่งเศส …”
พระยาจ่าแสนบดีศรีบริบาล (เดช คฤหเดช) จึงเป็นขุนนางสยามคนสำคัญ ที่บันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นไว้
อ่านเพิ่มเติม :
- เขมร, ขอม, ขแมร์, กัมปูเจีย, กัมพูชา, แคมโบเดีย แต่ละคำในภาษาเขมรมาจากไหน?
- พระมหากษัตริย์กัมพูชา มาจากการเลือกของ “สภาราชบัลลังก์” 9 คน มีใครบ้าง?
- “แม่เมือน” นางละครเชื้อสายไทยคนสุดท้ายในราชสํานักกัมพูชา และโลกนาฏศิลป์หลังเขมรแดง
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ศานติ ภักดีคำ. มองเขมรแลสยาม. กรุงเทพฯ: มติชน, 2568
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 16 สิงหาคม 2568
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พระยาจ่าแสนบดีศรีบริบาล ขุนนางสยามคนสำคัญ ผู้เรียบเรียงพงศาวดารเขมร สมัยรัชกาลที่ 4-5
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com