แก๊งแอปฯ เงินกู้เถื่อน คิดดอกเบี้ยสุดโหด ร้อยละ 3,197 ต่อปี พบเงินหมุนเวียนในระบบเดือนเดียวกว่า 120 ล้านบาท
แก๊งแอปฯ เงินกู้เถื่อน คิดดอกเบี้ยสุดโหด ร้อยละ 3,197 ต่อปี พบเงินหมุนเวียนในระบบเดือนเดียวกว่า 120 ล้านบาท
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม นางวัน (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2568 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” จับได้บริเวณถนน หมู่ที่ 12 ตำบลธารเกษม อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี 2567 ได้มีผู้เสียหายหลายรายร้องเรียน ผ่านศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ (ศปน.ตร.) กรณีได้รับความเดือดร้อน จากการกู้ยืมเงินกับแอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. จึงได้ดำเนินการสืบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงจนทราบว่าการกู้ยืมเงินกับแอปพลิเคชันดังกล่าว โดยผู้กู้ต้องยินยอมให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลในโทรศัพท์มือถือ โดยในการกู้ยืมเงินจะมีการคิดค่าดำเนินการและค่าเอกสาร อีกทั้งยังเป็นการกู้ยืมเงินที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดในลักษณะของการเก็บดอกลอย คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 8.76 ต่อวัน หรือร้อยละ 262.8 ต่อเดือน หรือร้อยละ 3,197.40 ต่อปี ซึ่งหากชำระหนี้ไม่ตรง ตามกำหนดเวลาจะมีการทวงถามหนี้กับผู้เสียหายและบุคคลใกล้ชิดอีกด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนสอบสวนและขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการไว้
ต่อมา จากการสืบสวนติดตามตัวผู้กระทำความผิด จึงพบเบาะแสว่า นางวัน (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี หลบหนีกบดานอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โดยมีลักษณะการปิดบังอำพรางถิ่นที่อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. จึงได้วางแผนปฏิบัติการ ตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัย จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบ นางวัน (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี บริเวณถนน หมู่ที่ 12 ตำบลธารเกษม อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าทำการตรวจสอบและจับกุมตัวพร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ
ทั้งนี้ ในชั้นจับกุม นางวัน (นามสมมุติ) ให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง และรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา โดยให้การเพิ่มเติมว่า ได้มีคนชักชวนให้ไปทำงานแอดมินเกี่ยวกับบัญชี ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยให้ค่าตอบแทนบัญชีละ 5,000 บาท โดยนายหน้าจะขับรถมารับเพื่อไปส่งบริเวณช่องทางธรรมชาติระหว่างพรมแดน ไทย-กัมพูชา จากนั้นจะมีคนที่ฝั่งกัมพูชารอรับ ไปบริเวณตึกอินเตอร์เนชันแนล 5 ชั้น และมีบอสชาวจีนคอยสั่งการผ่านล่ามให้ทำหน้าที่สแกนหน้า เป็นเวลา 1 เดือน เมื่ออยู่ครบตามกำหนดแล้ว บอสชาวจีนจึงสั่งให้กลับได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป