“เอกนัฏ” ถก รมช.พาณิชย์ วางเกมรุก FTA สกัด ‘สินค้าสวมสิทธิ์’ ชู ‘Local Content’ สร้างความเชื่อมั่นในตลาดโลก
“เอกนัฏ” ถก รมช.พาณิชย์ วางเกมรุก FTA สกัด ‘สินค้าสวมสิทธิ์’ ชู ‘Local Content’ สร้างความเชื่อมั่นในตลาดโลก
(22 ส.ค.68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้การต้อนรับนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะ ประกอบด้วย นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นางชนินทร หริ่มเจริญ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ในโอกาสเข้าพบเพื่อประชุมหารือแนวทางการกำหนดท่าทีการเจรจาการเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรมภายใต้ FTA ไทย-เกาหลีใต้ และ FTA ไทย-EU และหารือแนวทางการออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificated of Origin : C/O) กฎถิ่นกำเนิดสินค้า และสินค้าสวมสิทธิ์ โดยมี นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายศุภกิจ บุญศิริ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายธีรทัศน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายภัทรพล ลิ้มภักดี รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นายเริงฤทธิ์ กุศลกรรมบถ และนางบุปผา กวินวศิน รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 20-1 ชั้น 20 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางการออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) การบังคับใช้กฎถิ่นกำเนิดสินค้า และการป้องกันการสวมสิทธิ์ โดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศที่ยังไม่มีความตกลงการค้าเสรีกับไทย เช่น สหรัฐอเมริกา โดยเห็นพ้องว่าจำเป็นต้องมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า ทั้งในด้านการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงฐานข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงการจัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ
รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการยกระดับและสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล การให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการ และการคำนึงถึงเกณฑ์การคำนวณมูลค่าการผลิตในประเทศ/ภูมิภาค (Regional Value Content: RVC) ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวดต่อการจัดการกากของเสียอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมถึงการผลักดันระบบ i-Single Form ที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังพัฒนา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการยื่นคำขอและรับรองเอกสารด้านการค้าระหว่างประเทศอย่างเป็นระบบ โปร่งใส และตรวจสอบได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนและส่งเสริมการใช้วัตถุดิบและการผลิต (Local Content) ภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อเชื่อมโยงสินค้าและบริการของผู้ประกอบการไทยให้อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของนักลงทุนทั่วโลกที่ประกอบกิจการในประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงท่าทีในการเจรจาการเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรมภายใต้การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ไทย–สาธารณรัฐเกาหลี และความตกลงการค้าเสรีไทย–สหภาพยุโรป (EU-FTA) โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าการเจรจาต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ควบคู่ไปกับการสร้างฐานการผลิตในประเทศเพื่อส่งออก และการพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล ภายใต้แนวทางการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน