วิกฤตโลกร้อนบีบวงการไวน์ ผู้ผลิตทั่วโลกเลิกผลิตไวน์วินเทจ หันทำไวน์ราคาถูกแทน
วงการไวน์กำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเพาะปลูกองุ่น ทำให้ผู้ผลิตต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาคุณภาพและรสชาติของไวน์ที่เคยผูกติดอยู่กับ “ปีเก็บเกี่ยว” หรือ วินเทจ (vintage)
จากเดิมที่ไวน์ non-vintage ซึ่งเกิดจากการผสมไวน์จากหลายปี ถูกมองว่าเป็นสินค้าเกรดรอง ปัจจุบันแนวคิดนี้กำลังเปลี่ยนไป โรงบ่มไวน์ระดับโลกหลายแห่งหันมาใช้เทคนิคนี้เพื่อแก้ปัญหาความไม่แน่นอนของผลผลิตในแต่ละปี เช่น Cain Vineyard & Winery ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
ซึ่งต้องเผชิญกับปัญหาไฟป่า ได้ใช้การผลิตไวน์ผสมข้ามปีเพื่อคงคุณภาพไว้ได้ หรืออย่าง Pasqua Vigneti e Cantine ในอิตาลี ที่เปิดตัวไวน์ขาว non-vintage โดยผสมไวน์จากสูงสุดถึง 5 ปีเพื่อสร้างรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศ
ผู้เชี่ยวชาญมองว่ากระแสนี้จะช่วยให้ผู้ผลิตไวน์สามารถปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ดีขึ้น เพราะการผสมไวน์จากหลายวินเทจจะช่วยลดความเสี่ยงจากผลผลิตที่ไม่สม่ำเสมอในแต่ละปี ขณะที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่
โดยเฉพาะในกลุ่มไวน์ราคาประหยัด ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับปีเก็บเกี่ยวมากนัก ทำให้ไวน์ non-vintage เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น
การผลิตไวน์ไม่ระบุปีจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่กลยุทธ์ทางธุรกิจ แต่กำลังกลายเป็น มาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถส่งมอบไวน์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอให้กับผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางโลกที่การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศกำลังเป็นความท้าทายที่แท้จริง