ส่งออกไทย 7 เดือนขยายตัว 14.4% ลุ้น 5 เดือนสุดท้าย ทั้งปีโอกาสโตเกินเป้า 2-3%
สนค.เผยส่งออกไทยเดือน ก.ค. 68 มูลค่า 28,580.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 11% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 รวม 7 เดือน มูลค่า 195,432.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 14.4% คาดแนวโน้ม 5 เดือนที่เหลือชะลอตัวลงแน่ ลุ้นยอดทั้งปี 2568 โอกาสเติบโตกว่าเป้า 2-3% พร้อมเตรียมหารือเอกชนปรับเป้าส่งออกอีกครั้ง
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยเดือน ก.ค. 2568 มีมูลค่า 28,580.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 เป็นเพราะผู้นำเข้าทั่วโลกยังคงเร่งนำเข้าเพื่อปิดความเสี่ยงจากภาษีสหรัฐ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 28,258.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.1% ได้ดุลการค้า 322.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รวมการส่งออก 7 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 195,432.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.4% การนำเข้ามูลค่า 195,172.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.6% เกิดดุลการค้า 259.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการส่งออกเดือน ก.ค. 2568 สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่ม 10.9% โดยสินค้าเกษตรเพิ่ม 21.5% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรลด 0.2% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ น้ำตาลทราย ผลไม้กระป๋องและแปรรูป
ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ยางพารา ข้าว อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เนื้อสัตว์และของปรุงแต่งที่ทำจากเนื้อสัตว์ ทั้งนี้ 7 เดือนของปี 2568 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่ม 3.5%
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่ม 14% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล แผงวงจรไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก และสินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด ทั้งนี้ 7 เดือนของปี 2568 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่ม 18.5%
ทางด้านตลาดส่งออกยังคงขยายตัวสูงต่อเนื่อง โดยตลาดหลักเพิ่ม 15.3% จากสหรัฐเพิ่ม 31.4% จีนเพิ่ม 23.1% ญี่ปุ่นเพิ่ม 7.1% สหภาพยุโรป (27 ประเทศ) เพิ่ม 6.6% อาเซียน (5 ประเทศ) เพิ่ม 5.6% และ CLMV เพิ่ม 1.9% ตลาดรองเพิ่ม 7.7% โดยเอเชียใต้เพิ่ม 7.1% ตะวันออกกลางเพิ่ม 1.4% แอฟริกาเพิ่ม 12.7% ละตินอเมริกาเพิ่ม 33.7% รัสเซียและกลุ่ม CIS เพิ่ม 26.6% และสหราชอาณาจักรเพิ่ม 17.4% ส่วนตลาดทวีปออสเตรเลียลด 11.5% และตลาดอื่น ๆ ลด 51.7%
ทั้งนี้ การส่งออกเฉพาะไทย-สหรัฐเดือน ก.ค. 2568 ส่งออก 6,295.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้า 1,748.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกินดุล 4,547.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรวม 7 เดือนของปี 2568 ส่งออก 39,707.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้า 12,333.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกินดุล 27,374.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และไทย-จีนเดือน ก.ค. 2568 ส่งออก 3,628.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้า 9,649.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดดุล 6,021.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวม 7 เดือน ส่งออก 24,548.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้า 59,164.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดดุล 34,615.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายพูนพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกเดือน ส.ค. 2568 ซึ่งเป็นเดือนที่อัตราภาษีสหรัฐ 19% มีผลบังคับใช้ น่าจะชะลอตัวลง คิดว่าจะยังเป็นบวกอยู่ ส่วนอีก 5 เดือนที่เหลือ (ส.ค.-ธ.ค.) จะชะลอตัวแน่นอน แต่หากมูลค่าการส่งออกต่อเดือนทำได้เฉลี่ย 22,000-23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกทั้งปีก็จะเป็นบวกตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 2-3% แต่ถ้าส่งออกได้มากกว่านี้ อัตราการขยายตัวก็จะมากกว่าเป้า โอกาสที่จะถึง 2 หลักไม่น่าจะถึง แต่ได้มากกว่าเป้า 5-7% มีโอกาสเป็นไปได้
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ขอดูตัวเลขเดือน ส.ค. 2568 ออกมาก่อน และจะประชุมหารือกับภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เพื่อประเมินตัวเลขกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ยังต้องเฝ้าระวังปัจจัยกดดันการส่งออกไทยในช่วงที่เหลือของปี อาทิ การส่งออกชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หยุดชะงักไปจากสถานการณ์ความขัดแย้ง ผลกระทบจากการห้ามรถบรรทุกส่งสินค้าเข้าเมียนมา ปริมาณสินค้าคงคลังของประเทศผู้นำเข้าที่สะสมไว้ในช่วงก่อนการประกาศผลของการขึ้นภาษีของสหรัฐ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่อาจทำให้คำสั่งซื้อในอนาคตชะลอตัวลง
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อหามาตรการรับมือที่เหมาะสม รวมทั้งดำเนินการเชิงรุกเปิดตลาดการค้าและผลักดันการส่งออกไปยังตลาดใหม่ ๆ ต่อเนื่อง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ส่งออกไทย 7 เดือนขยายตัว 14.4% ลุ้น 5 เดือนสุดท้าย ทั้งปีโอกาสโตเกินเป้า 2-3%
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net