รวบ 2 หนุ่มไทย แก๊งคอลฯ กองร้อยปอยเปต ตุ๋นเหยื่อสูงสุด 12 ล้าน อ้างถูกบังคับ
รวบ 2 หนุ่มไทย แก๊งคอลฯ กองร้อยปอยเปต ทำหน้าที่หลอกคนไทย ตุ๋นเหยื่อสูงสุด 12 ล้าน อ้างถูกบังคับ แฉฐานตั้งอยู่ใน ภูลิคาสิโน มีชาวจีนเป็นหัวหน้าแก๊ง
วันที่ 5 ก.ค. 2568 ที่ชั้น 1 บก.สอท.2 (เมืองทองธานี) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ร่วมแถลงข่าว“ตำรวจไซเบอร์รวบ 2 แก๊งคอลปอยเปต ตั้งฐานบนคาสิโนในเขมร อ้างเป็นผู้กำกับ โทรขู่เหยื่อโอนเงิน เผยเคยโดนบังคับหลอกเหยื่อได้สูงสุดถึง 12 ล้านบาท”
ตร.ไซเบอร์ แถลงจับ 2 หนุ่มไทย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กองร้อยปอยเปต
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงวันที่ 10 ก.ค. 2566 ถึง 16 ต.ค. 2566 ตำรวจไซเบอร์ได้สืบสวนคดี Hybrid Scam ที่รับแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ thaipoliceonline.go.th โดยมีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกติดต่อจากบุคคลใช้ภาพโปรไฟล์หน้าตาดีผ่านโซเชียล ชวนผู้เสียหายพูดคุยกันจนเกิดความสนิทสนมและชอบพอกัน
ต่อมาจึงหลอกให้โอนเงินโดยอ้างว่านำไปลงทุนคริปโตเคอเรนซี่ ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไป จำนวน 147 ครั้ง ไปยังบัญชีม้าจำนวน 79 บัญชี เกิดความเสียหายรวมเป็นเงินจำนวน 308,204,326.5 บาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาคดีดังกล่าว จำนวน 76 ราย สามารถจับกุมตัวได้แล้ว จำนวน 46 ราย
เจ้าหน้าที่พบพยานหลักฐานว่า กลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับกุมดังกล่าว เป็นผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีผู้ร่วมขบวนการกว่า 100 คน มีชาวจีนเป็นหัวหน้า มีฐานที่ตั้งอยู่ที่ ภูลิคาสิโน (Pu Li Casino) ตั้งอยู่ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา
ขบวนการดังกล่าว ทำหน้าที่หลอกลวงคนไทยหลากหลายรูปแบบ อาทิ หลอกลวงเป็นหน่วยงานรัฐแล้วข่มขู่ให้โอนเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าเงินของเหยื่อไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา, หลอกให้ผู้สนใจลงทุนโอนเงินลงทุนรูปแบบต่างๆ, หลอกลวงให้รักแล้วชักชวนลงทุน (Hybrid Scam) เป็นต้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับผู้ทำหน้าที่ต่างๆ ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มดังกล่าวได้แล้ว รวม 44 ราย โดยแบ่งเป็น
- ผู้ทำหน้าที่ สาย 1 (ติดต่อผู้เสียหาย หลอกลวงตามบทที่ได้รับ) จำนวน 20 ราย (จับกุมได้แล้ว จำนวน 6 ราย)
- ผู้ทำหน้าที่ สาย 2 (สนทนาตอกย้ำ สร้างความมั่นใจให้ผู้เสียหลงเชื่อแบบสนิทใจต่อจากสาย 1 เช่น เป็นร้อยเวร หรือ เจ้าหน้าที่ต่างๆ) จำนวน 11 ราย (จับกุมได้แล้ว จำนวน 2 ราย)
- ผู้ทำหน้าที่ สาย 3 (ปิดเกม สั่งผู้เสียหายให้โอนเงิน โดยอ้างตัวเป็นหัวหน้าของหน่วยงานที่แอบอ้าง เช่น ผู้กำกับ สถานีตำรวจของร้อยเวรในสาย 2) จำนวน 7 ราย (จับกุมได้แล้ว จำนวน 2 ราย)
- ผู้ที่ทำหน้าที่สนับสนุนด้านอื่นๆ (การทำหนังสือราชการปลอม ทำหมายปลอม จัดหาซิมผี จัดหาบัญชีม้า) จำนวน 6 ราย (จับกุมแล้ว 2 ราย)
ล่าสุด พ.ต.ต.ชัยโชติ ศรีวรขาน และ พ.ต.ท.รุ่งเรือง แสนโคตร สว.กก.2 บก.สอท.1 ร่วมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเข้าจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญกลุ่มดังกล่าว ดังนี้
1.นายสมศักดิ์ อายุ 37 ปี (ทำหน้าที่ หัวหน้าสาย 2) ตามหมายจับที่ 4743/2567 ลง 27 ก.ย.67 ควบคุมตัวได้ที่ซอยเชิงทะเล 14 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ก.ค.68
2.นายวราเมธ อายุ 20 ปี (ทำหน้าที่หัวหน้าสาย 3 อ้างตัวเป็นผู้กำกับสถานีตำรวจ) ตามหมายจับ
ที่ 3677/2567 ลง 7 ส.ค.67 ควบคุมตัวได้ในพื้นที่ ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงสายวันที่ 3 ก.ค.68
ตำรวจดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
สอบถามนายวราเมธ เบื้องต้นยอมเปิดเผยข้อมูลว่า ได้ค่าตอบแทนประมาณ 25,000 บาทต่อเดือน และค่าคอมมิชชั่น 3.5 เปอร์เซ็นต์ แต่หากไม่เอาเงินเดือน จะได้ค่าคอมมิชชั่น 6.5 เปอร์เซ็นต์ ช่วงหลังจึงรับแค่ค่าคอมมิชชั่น
นายวราเมธ ให้การต่อว่า ตนเริ่มต้นจากที่เคยข้ามแดนอย่างถูกกฎหมายไปทำงานเป็นแอดมินของแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ชื่อดังในประเทศกัมพูชามาก่อน จากนั้น 1 ปีต่อมาได้ถูกชักชวนผ่านเฟซบุ๊กให้ไปทำงานเป็นแอดมินขายของอีกครั้ง โดยถูกนัดหมายให้ไปพบที่ ภูลิคาสิโน
นายวราเมธ ให้การอีกว่า เมื่อไปถึงกลับโดนยึดอุปกรณ์สื่อสาร และเอกสารประจำตัว แล้วโดนบังคับให้ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์สายหนึ่ง แต่ตนพูดไม่ได้ จึงได้ทำงานเป็นสายสอง โดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรับแจ้งความ
นายวราเมธ ให้การต่อว่า ภายหลังจึงได้ทำงานเป็นสายสาม คอยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงเพื่อพูดจาข่มขู่หลอกลวงให้เหยื่อโอนเงิน โดยตนเคยหลอกลวงเหยื่อให้โอนเงินได้มากสุดถึง 12 ล้านบาท ขณะนั้นได้ค่าคอมฯ ตอบแทน 3.5 เปอร์เซ็นต์
นายวราเมธ อ้างว่า ถูกหลอกลวงมาและโดนบังคับให้ทำงาน หากไม่ทำงานจะโดนข่มขู่และทำร้ายร่างกาย ตนเคยเห็นคนที่ขัดคำสั่งถูกทำร้ายร่างกายในออฟฟิศของภูลิคาสิโนมาแล้ว ทำให้จำใจต้องยอมทำงานหลอกลวงผู้อื่น
ด้านนายสมศักดิ์ อ้างว่า ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานแล้วโดนบังคับเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นเดียวกัน ซึ่งเคยอ้างตัวเป็น “ร้อยตำรวจโทพีระ” ต่อมาได้หลบหนีออกจากภูลิคาสิโน แล้วโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศกัมพูชาจับกุมตัวได้ ก่อนติดคุกอยู่ที่ประเทศกัมพูชา 14 วัน จึงถูกส่งกลับประเทศไทย
เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งสืบสวนขยายผล รวมทั้งติดตามจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รวบ 2 หนุ่มไทย แก๊งคอลฯ กองร้อยปอยเปต ตุ๋นเหยื่อสูงสุด 12 ล้าน อ้างถูกบังคับ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th