สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายงบประมาณ ‘Big, Beautiful Bill’ สำคัญอย่างไร ทำไมทรัมป์ยกเป็น ‘ชัยชนะระดับปรากฏการณ์’
ร่างกฎหมายงบประมาณ ‘Big, Beautiful Bill’ หรือ ‘กฎหมายที่ใหญ่และสวยงาม’ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่านการลงคะแนนเสียงขั้นสุดท้ายในสภาผู้แทนราษฎร และเตรียมที่จะประกาศใช้จริง ภายหลังการลงนามรับรองโดยทรัมป์ ในพิธีลงนามที่จะมีขึ้นวันนี้ (4 กรกฎาคม) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับวันชาติของสหรัฐฯ
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติรับรองร่างกฎหมายฉบับนี้ไปด้วยคะแนนเสียง 218 ต่อ 214 เสียง หลังจากที่วุฒิสภาโหวตรับรองไปก่อนหน้านี้ ด้วยคะแนนเสียง 51 ต่อ 50 เสียง ซึ่งรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ เป็นผู้ลงคะแนนเสียงชี้ขาด
ทรัมป์ ยกย่องการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ว่าเป็น ‘ชัยชนะระดับปรากฏการณ์’
โดยที่ผ่านมา ความพยายามผลักดันกฎหมายงบประมาณนี้เป็นไปอย่างลำบาก ท่ามกลางกระแสโต้แย้ง แม้แต่ในหมู่สมาชิกพรรครีพับลิกัน เนื่องจากมีหลายประเด็นของกฎหมาย ที่ส่งผลกระทบต่อโครงการด้านสังคมและเพิ่มระดับการใช้จ่ายงบประมาณ
เนื้อหากฎหมายฉบับนี้ หลักๆ เป็นการขยายอายุกฎหมายลดหย่อนภาษีและการจ้างงานปี 2017 (2017 Tax Cuts and Jobs Act) ของทรัมป์ในสมัยแรก ซึ่งมีกำหนดจะสิ้นสุดลงในสิ้นปีนี้ ในขณะที่เพิ่มการใช้จ่ายสำหรับความปลอดภัยชายแดน การป้องกันประเทศ และการผลิตพลังงาน และตัดลดงบประมาณสำหรับโครงการประกันสุขภาพอย่าง Medicaid และโครงการช่วยเหลือด้านอาหาร
ขณะที่สำนักงานงบประมาณของสภาคองเกรส ประเมินว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้อาจทำให้ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า
และนี่คือรายละเอียดที่สำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้
ยืดอายุกฎหมายลดหย่อนภาษีทรัมป์
ในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรก ทรัมป์ได้ลงนามกฎหมายลดหย่อนภาษีและการจ้างงานปี 2017 ซึ่งลดหย่อนภาษีสำหรับบริษัทและบุคคลในหลายกลุ่มรายได้
ทรัมป์ยกย่องกฎหมายดังกล่าวว่า จะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ผู้เชี่ยวชาญโต้แย้งว่า กฎหมายฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อชาวอเมริกันที่ร่ำรวย
ขณะที่บทบัญญัติสำคัญของกฎหมายลดหย่อนภาษีและการจ้างงานปี 2017 มีกำหนดจะสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคม แต่ร่างกฎหมายงบประมาณ Big, Beautiful Bill นั้นมีเป้าหมายที่จะขยายอายุกฎหมายฉบับนี้ ให้เป็นกฎหมายถาวร นอกจากนี้ ยังเพิ่มการหักลดหย่อนมาตรฐานเป็น 1,000 ดอลลาร์ สำหรับบุคคล และ 2,000 ดอลลาร์สำหรับคู่สมรส โดยมีผลจนถึงปี 2028
เพิ่มข้อจำกัดประกันสุขภาพ
เพื่อช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับการลดหย่อนภาษีอื่นๆ พรรครีพับลิกันได้เพิ่มข้อจำกัดและข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับโครงการ Medicaid ซึ่งเป็นโครงการประกันสุขภาพที่ชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งทุพพลภาพและมีรายได้น้อยหลายล้านคนพึ่งพาอยู่
การเปลี่ยนแปลงและเพิ่มข้อจำกัดของ Medicaid ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของรายจ่ายรัฐบาลกลาง เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดกระแสโต้แย้ง
โดยหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ คือการเพิ่มข้อกำหนดด้านการทำงานสำหรับกลุ่มผู้ใหญ่ที่ไม่มีบุตร แข็งแรง และไม่มีความพิการ ซึ่งร่างกฎหมายงบประมาณฉบับใหม่นี้ ระบุว่า พวกเขาจะต้องทำงานอย่างน้อย 80 ชั่วโมงต่อเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2026
การเปลี่ยนแปลงอีกอย่าง คือการกำหนดให้การลงทะเบียน Medicaid ใหม่ต้องเปลี่ยนจากปีละครั้ง เป็นทุก ๆ 6 เดือน ซึ่งผู้ลงทะเบียนจะต้องแสดงหลักฐานรายได้และถิ่นที่อยู่เพิ่มเติม
โดยข้อกำหนดด้านการทำงานของ Medicaid ที่ถูกเสนอโดยวุฒิสภาสหรัฐฯ ถือเป็นข้อกำหนดที่เข้มงวดที่สุดเท่าที่พรรครีพับลิกันเคยเสนอมา ทำให้มีโอกาสที่ชาวอเมริกันจำนวนมากจะสูญเสียความคุ้มครองทางการแพทย์ เนื่องจากพวกเขาจะไม่ดำเนินการตามข้อกำหนดใหม่นี้
สำนักงานงบประมาณของสภาคองเกรส ประเมินว่า ผลจากการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มข้อจำกัดดังกล่าว อาจส่งผลให้มีชาวอเมริกันเกือบ 12 ล้านคน ต้องสูญเสียความคุ้มครองด้านสุขภาพภายใต้ Medicaid ภายในช่วงทศวรรษหน้า
สร้างกำแพงชายแดน จัดการปัญหาผู้อพยพ
กฎหมายงบประมาณฉบับใหม่นี้ ยังครอบคลุมการใช้จ่ายงบประมาณกว่า 46,500 ล้านดอลลาร์ สำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และอีก 45,000 ล้านดอลลาร์สำหรับขยายขีดความสามารถในการกักตัวผู้อพยพผิดกฎหมายที่ถูกจับกุม
โดยงบประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์ จะถูกใช้สำหรับการจ้างงาน การฝึกอบรม และทรัพยากรอื่นๆ สำหรับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐฯ
ขณะที่กฎหมายฉบับใหม่นี้ ยังกำหนดให้เก็บค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 100 ดอลลาร์สำหรับผู้อพยพที่ต้องการขอสถานะผู้ลี้ภัย
เพิ่มการหักลดหย่อนภาษีของรัฐและท้องถิ่น
กฎหมายฉบับนี้ยังรวมถึงการเพิ่มเพดานหักลดหย่อนภาษีของรัฐและท้องถิ่น ( State and Local Tax Deduction : SALT) โดยเพิ่มจาก 10,000 ดอลลาร์เป็น 40,000 ดอลลาร์ และหลังจาก 5 ปี จะกลับมาเป็น 10,000 ดอลลาร์
ก่อนที่จะมีการหักลดหย่อนภาษีของรัฐและท้องถิ่น ผู้เสียภาษีชาวอเมริกันสามารถหักภาษีของรัฐและท้องถิ่นทั้งหมดจากภาษีของรัฐบาลกลางได้ ซึ่งผู้กำหนดนโยบายบางคนมองว่า เป็นนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ครอบครองบ้านที่มีฐานะร่ำรวย ในรัฐที่มีภาษีสูง เช่น นิวยอร์กและแคลิฟอร์เนีย
แต่ผู้สนับสนุนให้เพิ่มเพดานการลดหย่อนภาษีให้เหตุผลว่า เพดานภาษี 10,000 ดอลลาร์ กำลังส่งผลกระทบมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อผู้ครอบครองบ้านชนชั้นกลางที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคที่มีอัตราภาษีทรัพย์สินเพิ่มสูงขึ้น
ลดแรงจูงใจพลังงานสะอาด
ร่างกฎหมาย Big, Beautiful Bill จะยุติการให้แรงจูงใจทางภาษีในกฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อปี 2022 สำหรับพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค
ภายใต้กฎหมายงบประมาณฉบับใหม่นี้ จะยกเลิกเครดิตภาษี หรือจำนวนเงินที่ผู้เสียภาษีสามารถนำไปหักออกได้โดยตรงจากภาษีที่ตนเองพึงต้องจ่าย สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าใหม่และมือสอง การติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จ EV ที่บ้าน ตลอดจนการเสริมประสิทธิภาพแก่ระบบทำความร้อนและทำความเย็น
กฎหมายฉบับนี้ยังยุติกองทุนลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งให้เงินทุนแก่องค์กรไม่แสวงหากำไรในการดำเนินโครงการเพื่อลดมลพิษและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในชุมชน แต่สัญญาและเงินช่วยเหลือที่มีอยู่ภายใต้โครงการต่างๆ จะไม่ได้รับผลกระทบ
เพิ่มข้อจำกัดในการช่วยเหลือด้านอาหาร
กฎหมายงบประมาณใหม่นี้ ยังได้เพิ่มข้อจำกัดให้กับโครงการช่วยเหลือด้านอาหารแก่ชาวอเมริกันรายได้น้อย ที่เรียกว่า SNAP (Supplemental Nutrition Assistance Program) ซึ่งมีการแจกจ่ายคูปองอาหารให้แก่ชาวอเมริกันรายได้น้อยกว่า 40 ล้านคน
โดยรัฐต่างๆ ต้องมีส่วนสนับสนุนโครงการมากขึ้น ต่างจากในปัจจุบัน ที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ เป็นผู้จัดสรรงบประมาณให้ทั้งหมด
ขณะที่รัฐบาลจะยังคงจัดสรรงบประมาณสวัสดิการให้กับรัฐที่มีอัตราการจ่ายเงินผิดพลาดต่ำกว่า 6% ต่อไป แต่สำหรับรัฐที่มีอัตราการจ่ายเงินผิดพลาดสูงจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของโครงการตั้งแต่ 5% ถึง 15% ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเริ่มในปี 2028
ทั้งนี้ ในชั้นวุฒิสภา ยังมีการเสนอให้เพิ่มข้อกำหนดด้านการทำงานสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ SNAP ที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์และไม่มีผู้ที่อยู่ในความอุปการะ
เพิ่มเพดานหนี้
ภายใต้กฎหมายงบประมาณฉบับใหม่นี้ จะเพิ่มเพดานหนี้จาก 4 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 5 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับเส้นตายในการแก้ไขปัญหาเพดานหนี้ช่วงปลายฤดูร้อนนี้
โดยก่อนหน้านี้ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งแก้ไขปัญหาเพดานหนี้ภายในกลางเดือนกรกฎาคม และเตือนว่าสหรัฐอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ อย่างเร็วคือในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่สภาปิดสมัยประชุม
เพิ่มเครดิตภาษีบุตร
ในปีหน้าเครดิตภาษีบุตรสำหรับชาวอเมริกัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ จะลดลงไปอยู่ที่ระดับ 1,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับก่อนปี 2017 แต่ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ จะเพิ่มเครดิตภาษีบุตรขึ้นเป็น 2,200 ดอลลาร์อย่างถาวร
ตัดภาษีค่าล่วงเวลาและทิป
ในร่างกฎหมายงบประมาณฉบับใหม่นี้ มีบทบัญญัติ ‘ไม่มีภาษีสำหรับทิป (No Tax on Tips)’ ซึ่งถือเป็นชัยชนะและการรักษาคำมั่นสัญญาของทรัมป์ ที่ให้ไว้ในช่วงหาเสียง โดยจะอนุญาตให้บุคคลต่างๆ หักเงินทิปและค่าล่วงเวลาบางส่วนจากภาษีของตนได้ ซึ่งจะตัดเงินที่ต้องจ่ายเป็นภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลางออกไป โดยพนักงานที่ได้รับทิปยังคงต้องเสียภาษีเงินได้ของรัฐและท้องถิ่น และภาษีเงินเดือน
ขณะที่สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะถูกยกเลิกตามรายได้ต่อปี โดยเริ่มต้นที่ 150,000 ดอลลาร์สำหรับบุคคล และ 300,000 ดอลลาร์สำหรับคู่สมรส และสิ้นสุดในปี 2028
ภาพ : REUTERS/Umit Bektas TPX IMAGES OF THE DAY
อ้างอิง :