“พิชิต” คาด ช่วงเย็น “ ม็อบรวมพลังแผ่นดิน” คึกคัก ร่วมเรียกร้อง “แพทองธาร” สละเก้าอี้นายกฯ
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมแสดงพลังห่วงใยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิว่า การชุมนุมในวันนี้เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากครั้งก่น แต่ข้อเรียกร้องเดิมคือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบต่อกรณีคลิปเสียงหลุด เพราะผลของคลิปหลุดทำให้เกิดสงครามระหว่างประเทศ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการสู้รบ ทหารได้รับการบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
อิทธิพลที่ น.ส.แพทองธารพูดว่าแม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ใช่พวกเรา ทำให้กัมพูชาได้ใจ มีความฮึกเหิจนทำให้เกิดการสู้รบ นางสาวแพทองธารปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ไม่ได้ จึงต้องลาออกจากตำแหน่งทันที พร้อมส่งเสียงไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล โดยตั้งคำถามว่าจะต้องประคองรัฐบาลชุดนี้ต่อไปหรือ ควรเห็นใจทหารแนวหน้าประชาชนที่เสียชีวิต เด็กน้อยที่ต้องถูกระเบิดในร้านสะดวกซื้อ พรรคร่วมรัฐบาลจะประคองระบอบชินวัตรไปถึงไหน จึงขอให้แสดงจุดยืนโดยการลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลโดยทันที
พวกเราต้องการสื่อสารไปถึงรัฐบาลกัมพูชา ขอประณามการกระทำโดยเฉพาะทหารกัมพูชาที่ยิงปืนใหญ่ไปสู่เป้าหมายพลเรือน ซึ่งผิดขั้นตอนการรบ เป็นการทำลายประชาชน การกระทำเช่นนี้ถือเป็นอาชญากรสงคราม ส่วนรัฐบาลไทยที่ไปเจรจาหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้ไทยเสียเปรียบเป็นอย่างมาก เหตุใดถึงไม่ยื่นเงื่อนไขให้กัมพูชามาเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ของไทยเสียก่อน ทหารไทยทำงานลำบาก เนื่องจากกัมพูชาผิดอนุสัญญาออตาวาวางระเบิดทุ่นระเบิดเป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลกลับเจรจาให้หยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข ทั้งที่ควรยื่นเงื่อนไขให้กัมพูชาต้องมาถอนทุ่นระเบิดออกไปให้หมด ฉะนั้นการกระทำของรัฐบาลเป็นการปกป้องประเทศไทย หรือปกป้องผลประโยชน์ของใครกันแน่
เมื่อถามว่ารัฐบาลมีความเห็นว่าการจัดชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมากดดันรัฐบาล นายพิชิต กล่าวว่าความรับผิดชอบจะต้องมีตลอดเวลา เราพูดมาก่อนการจะมีสงคราม เราไม่ได้ขัดขวางการสู้รบของทหารตามแนวชายแดน แต่ต้องการมาสื่อสารและบริจาคสิ่งของเพื่อส่งไปชายแดน ซึ่งเราต้องจัดการไส้ศึกของเราด้วยเช่นกัน
การที่ น.ส.แพทองธาร พูดกับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสมือนให้กำลังใจกัมพูชา เหมือนเป็นไส้ศึก จุดอ่อนทางความมั่นคงคือรัฐบาล กัมพูชาถือไพ่เหนือกว่า มีคลิปเสียงที่สามารถข่มขู่รัฐบาลไทยได้ ดังนั้นจุดอ่อนของความมั่นคงของประเทศเป็นรัฐบาล ไม่ใช่กองทัพและประชาชน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้จะต้องกำจัดจุดอ่อน ด้วยการที่น.ส.แพทองธารต้องลาออก
เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธารระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากสองตระกูล แต่เป็นเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น นายพิชิต มองว่า ไม่เคยเห็นปรากฏการณ์ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นรูปธรรมในกัมพูชา ไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตยังไม่ตัด การอ้างถึงการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และคลิปหลุดที่ถามถึงความต้องการของสมเด็จฮุนเซนแสดงว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวในตอนนั้นยังดีอยู่ ไม่ได้ทะเลาะกัน
“ข้ออ้างเอาสงครามมาเป็นนโยบายของตนเอง แปลกประหลาดมาก สู้รบกันแทนที่รัฐบาลจะรับผิดชอบกลับไปเคลมว่าเป็นผลงานปราบคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล กลายเป็นว่านางสาวแพทองธารยืนอยู่บนซากศพของทหารและประชาชน โดยอ้างว่าเป็นผลงานของตนเอง ภูมิใจขนาดไหนที่กล้ายืนบนเลือดของพี่น้องประชาชนที่เสียชีวิต” นายพิชิต กล่าว
ส่วนที่ น.ส.แพทองธารบอกว่า เรื่องปัญหาคนในประเทศให้รอก่อน ขอเคลียร์ กับคนนอกประเทศก่อนนั้น นายพิชิต ย้ำว่าปัญหาภายในประเทศก็รุนแรงเช่นกัน เพราะการสู้รบครั้งนี้เกิดจากคลิปเสียง การสู้กับข้าศึกภายนอกประเทศเป็นหน้าที่ของทหารไทย แต่การจัดการไส้ศึกภายในก็เป็นหน้าที่ของประชาชน
นอกจากนี้ นายพิชิต คาดว่า ในช่วงเย็น จะมีประชาชนจากต่างจังหวัด เดินทางเข้ามาสมทบจำนวนกับกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน