NETBAY เร่งปั้น RegTech ขับเคลื่อน 3 แพลตฟอร์มเสริมมูลค่า ลุยเพิ่มฐานลูกค้า-ผนึกพันธมิตรรัฐ–เอกชน ปักธงรายได้ปี 68 โตตามเป้าหมาย 10-15%
NETBAY ครึ่งปีหลังเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ยกระดับแพลตฟอร์มบริการด้วย AI และ RegTech ครอบคลุมลูกค้าเอกชน–ภาครัฐ พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ขยายฐานลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง หวังผลักดันรายได้ปี 68 โต 10-15% ตามเป้าหมาย
นางกอบกาญจนา วีระพงษ์ประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2568 บริษัทมุ่งเน้นสร้างความเติมโตอย่างต่อเนื่องกับธุรกิจการให้บริการในรูปแบบ Software as a Service (Saas) พร้อมกับการสร้าง Value ให้แพลตฟอร์มของบริษัทและกลุ่มบริษัทย่อย
ภายใต้การนำประสบการณ์ด้าน “RegTech” หรือ “Regulatory Technology” มาประยุกต์ใช้ในการกำกับดูแลควบคู่ไปกับการพัฒนาแพลตฟอร์มหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของบริษัท เพื่อช่วยเหลือให้ภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถดำเนินงานและรายงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ ตามที่หน่วยงานที่กำกับดูแลกำหนด เช่น อุตสาหกรรมการเงิน, Logstics, ธนาคาร เป็นต้น
โดยสามารถเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการดำเนินงานด้านการกำกับดูแล (Compliance) ที่ยุ่งยากซับซ้อน เป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว แม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของหน่วยงานผู้กำกับดูแลได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน NETBAY เดินหน้าขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยการสร้าง Value ใหม่ๆ บนแพลตฟอร์ม เพื่อขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยการให้บริการ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ
1) ShippingNet Pluz แพลตฟอร์มให้บริการจัดทำ นำส่งใบขนสินค้านำเข้า-ส่งออก ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องและยาวนานสำหรับกลุ่มลูกค้าโลจิสติกส์ โดยได้ Add Value และเปิดตัว Feature ใหม่โดยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการทำงานให้ลูกค้าที่ใช้บริการได้รับความสะดวก ลดระยะเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากยิ่งขึ้น
2) AiBox เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาต่อยอดจาก iBox เดิมเพื่อยกระดับให้เป็น “The Trusted Digital Transformation Platform” ที่สมบูรณ์แบบ พร้อมร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
3) CHECK+ แพลตฟอร์มที่เน้นการให้บริการกลุ่มงานด้านการกำกับดูแล (Compliance) อย่างครบวงจร อาทิ ตรวจสอบตัวตน บันทึกข้อมูลการทำธุรกรรม และนำส่งรายงานการทำธุรกรรมให้กับหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อช่วยยกระดับให้ภาคธุรกิจสามารถปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของหน่วยงาน อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในภาคธุรกิจได้
“นอกจากนี้ บริษัท เคลาด์ ครีเอชั่น จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทย่อย ของ NETBAY ได้มีการลงนามใน NDA ทั้ง 2 ฉบับกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อครอบคลุมบริการเชื่อมต่อระบบตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงินและรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด และได้รับอนุญาตเชื่อมต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการรายงานธุรกรรมในฐานะผู้ให้บริการตัวกลาง” นางกอบกาญจนา กล่าวเพิ่มเติม
ด้านภาพรวมผลประกอบการในปี 2568 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อน โดยมีกลยุทธ์หลัก คือ การเติบโตตามปกติ (Organic Growth), การสร้างนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์หรือโซลูชันใหม่ๆ, การเติบโตผ่านพาร์ทเนอร์ ซึ่งมีทั้งพาร์ทเนอร์ที่ทำโซลูชันร่วมกัน และพาร์ทเนอร์ธุรกิจที่ร่วมมือกันเพื่อการทำตลาด และ การมองหาธุรกิจรูปแบบใหม่
นางกอบกาญจนา กล่าวว่า บริษัทยังคงเติบโตทั้งมุมรายได้และความสามารถในการขยายฐานลูกค้าในบริการเดิมและบริการใหม่ของบริษัท โดยมีการนำเทคโนโลยี เช่น AI หรืออื่นๆ เข้ามา Add Value เพื่อขยายบริการของบริษัทได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่า เมื่อมีการพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง และสามารถให้บริการได้ครอบคลุมมากกว่าเดิม
ทั้งนี้ บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ การให้บริการ AiBox กับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ Retail และ Nano Leasing, การให้บริการ CHECK+ กับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 13 (สหกรณ์) และมาตรา 16 (ร้านทอง อัญมณี, เต้นท์รถมือสอง, ผู้ค้าของเก่า เป็นต้น), การให้บริการ ShippingNet Pluz บนกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการทำธุรกิจมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังมีงานโครงการที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐอีกหลายโครงการ รวมถึงการมองหาพันธมิตรทางธุรกิจ และพันธมิตรทางเทคโนโลยีเพื่อมาช่วยกันต่อยอดธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากลูกค้าเอกชนแล้ว บริษัทยังมีความสามารถในการพัฒนาแพลตฟอร์มให้กับหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ตามที่กฎหมายของหน่วยงานนั้นนั้นกำหนด