“พิมล” ปลื้ม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมค่ายมวย เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี กระแสตอบรับดีจากชาวต่างชาติที่มาเรียนมวยไทย
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 19 กรกฎาคม 2568 เวลา 1.38 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมท18 ก.ค.68 สุราษฎร์ธานี-ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา มวยไทยซอฟต์พาวเวอร์ และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย, นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา, รองประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา, นายสมชาย พูลสวัสดิ์ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬานางโปรดปราน สมานมิตร รองผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย, นายณัฐพล อันตรเสน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย และนายไพฑูรย์ ชุติมากรกุล นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา ได้มาตรวจเยี่ยมค่ายมวยไทยที่เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี จำนวน 3 ค่าย ตามนโยบายส่งเสริมมวยไทยเป็นซอฟต์เพาเวอร์ของรัฐบาล
เริ่มที่ค่าย “พั้นช์ ชิท” และได้มอบป้ายค่ายมวยไทยอาชีพ รับรองมาตรฐาน จากสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาซึ่งเป็นหนึ่งในค่ายมวยที่ได้มาตรฐานสูงมีนักมวยชาวไทยและต่างชาติมาเรียน 40-50 คนต่อวัน
โดย ผศ.พิมล กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมค่ายมวยไทยในครั้งนี้ ได้เห็น สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว และมาซึบซับวัฒนธรรมมวยไทย ค่ายมวย พั้น ชิท เป็นค่ายมวยที่น่าชื่นชมมาก มีชาวต่างชาติเข้ามาเรียนวันละ 120–150 คน พร้อมที่พักรองรับมากกว่า 80 ห้อง ซึ่งเต็มตลอดเวลา ค่ายมีทั้งคลาสเดี่ยวและคลาสรวม โดยคลาสรวมมีค่าเรียนชั่วโมงละ 1,000 บาท ถือเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จและสามารถเป็นต้นแบบให้ค่ายอื่น ๆ ได้ คณะกรรมการได้มอบใบประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐานให้แก่ค่ายมวยที่ผ่านเกณฑ์ เพื่อยืนยันถึงคุณภาพและการดำเนินงานที่ตอบโจทย์ซอฟต์เพาเวอร์ของชาติ ทั้งในด้านกีฬา การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม“
นอกจากนี้ ผศ.พิมล ยังกล่าวถึงกิจกรรมในวันที่ 19 กรกฎาคม ว่า “เราจะมีการแข่งขันชกมวย ‘สมุยซุปเปอร์ไฟต์’ ซึ่งน่าสนใจมาก เพราะเป็นการชกของนักมวยจากทัณฑสถาน ที่ผ่านการฝึกฝนมวยไทยภายใต้โครงการนี้ เราเชื่อว่าหากเขาได้รับทักษะที่เพียงพอ เมื่อพ้นโทษออกมา ก็สามารถประกอบอาชีพและเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ การให้โอกาสและเสริมสร้างทักษะให้เขาเหล่านี้ จึงเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของเราภายใต้แนวคิดซอฟต์เพาเวอร์
“ไม่ว่าเขาจะอยู่ในทัณฑสถานมานานแค่ไหน เมื่อเขาออกมา ถ้าไม่มีทักษะติดตัว ก็มีโอกาสกลับไปทำสิ่งที่ไม่ดีอีก แต่หากมีอาชีพ มีทักษะติดตัว ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการจะมอบให้ การลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดัน “มวยไทย” ให้เป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่สร้างมูลค่าในระดับนานาชาติ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และอัตลักษณ์ความเป็นไทยอย่างยั่งยืน“ ผศ.พิมล กล่าว
นอกจากนี้ยังเดินทางไปเยี่ยมค่ายมวยไทยซุปเปอร์โปร ที่ได้มาตรฐานที่มีนักมวยไทยและต่างชาติมาเรียน 40-50 คนต่อวัน และมอบป้ายการรับรองมาตรฐานมวยไทยอาชีพ และค่ายมวยยอดยุทธมวยไทย อีก 1 ค่ายที่ได้มาตรฐาน
ด้าน ยอดยุทธ เกียรติยงยุทธ ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายยอดยุทธมวยไทย กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้ได้มาเช่าเป็นรายปี เพื่อเปิดยิมสอนมวยไทย เนื่องจากที่ผ่านมาเคยเป็นนักมวยมาก่อน จึงนำประสบการณ์ทักษะมวยไทยมาถ่ายทอดต่อ โดยมีชาวต่างชาติสนใจมาเรียนมวยไทยแต่ละวัน 40-50 คนต่อวัน เฉลี่ยต่อหัว 800 บาท ต่อ 1 ชม. ซึ่งสร้างรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 1 แสนบาทต่อเดือนเป็นอย่างต่ำ และต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่ทำให้เกิดมวยไทยซอฟต์พาวเวอร์ขึ้น ทำให้ทั่วโลกสนใจมาเรียนมวยไทยเพิ่มขึ้น-สำนักข่าวไทย