“เท้ง ณัฐพงษ์” ยื่นญัตติด่วนรับมือภาษีทรัมป์ เสนอ 5 ข้อให้รัฐบาลทำงานเชิงรุก
“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ยื่นญัตติด่วนหารือรับมือมาตรการภาษีสหรัฐฯ ชงตั้งคณะทำงานภาคี “Farm-Feed-Food Fair Coalition” รับมือ หวั่นภาคอุตสาหกรรม-ภาคเกษตร-ภาคแรงงานกระทบหนัก แนะ 5 ข้อรัฐบาลทำงานเชิงรุก
วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นญัตติด่วนด้วยวาจา กรณีการรับมือมาตรการด้านภาษีจากประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากวันที่ 1 สิงหาคม 2568 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกจุดหนึ่งในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย จากตัวเลขภาษีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ตั้งกำแพงกับสินค้าไทยไว้ที่ 36% คลื่นสึนามิที่แต่ก่อนดูห่างตัวมาก ดูเหมือนจะเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว
โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบมาก ประกอบไปด้วยอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ยางล้อและชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เสี่ยงสูญเสียตลาดในสหรัฐอเมริกา แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ผู้ที่จะได้รับผลกระทบทางตรงที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น ยังมีหลายภาคส่วนที่รัฐบาลเอาไปแลกกับข้อตกลงภาษีในครั้งนี้ด้วย ทั้งในส่วนของภาคเกษตรกร ยิ่งเมื่อข้อตกลงที่รัฐบาลได้ทำไปแล้ว อาจกำลังจะบีบให้เกษตรกรไทยต้องแข่งขันกับเกษตรกรในต่างประเทศหนักขึ้น โดยที่เกษตรกรไทยมีความเสียเปรียบหลายด้าน ไม่ว่าจะในด้านขนาดแปลงที่ดิน ขนาดเงินทุน ระดับเทคโนโลยี รวมถึงมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลที่มากกว่าประเทศไทย คำถามคือข้อตกลงที่รัฐบาลกำลังทำอยู่นั้น รัฐบาลจะเอาอะไร รายได้ของใคร ไปแลกกับสหรัฐอเมริกากลับมาบ้าง
ชงตั้งคณะทำงานภาคี “Farm-Feed-Food Fair Coalition”
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าด้วยเหตุนี้ตนจึงเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานพูดคุยระหว่างภาครัฐและเอกชน นั่นคือภาคี “Farm-Feed-Food Fair Coalition” ซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนจากเกษตรกรต้นน้ำ ผู้ประกอบการขนส่งกลางน้ำ และอุตสาหกรรมแปรรูปเพื่อส่งออกปลายน้ำ ที่มีพันธกิจร่วมกันเพื่อพัฒนาระบบอาหารในประเทศให้แข่งขันได้และเป็นธรรมมากขึ้น ให้ไทยกลายเป็นครัวที่โลกต้องการจริง นอกจากเกษตรกรแล้วยังมีกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่อาจได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิในครั้งนี้ มีแรงงานหลายภาคส่วนที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และสินค้าเกษตรแปรรูป ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศไทย แรงงานในนิคมอุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่ส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อเนื่อง ถ้าเกิดการสูญเสียตลาดในสหรัฐอเมริกาอย่างฉับพลัน ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออก กระทบต่อโรงงาน กระทบต่อผู้ใช้แรงงานต่อไปเป็นทอด โดยเฉพาะแรงงานกลุ่มที่เป็นลูกจ้างรายวัน โดยเฉพาะแรงงานในธุรกิจ SMEs ก็มีความเปราะบางสูง เพราะไม่มีสายป่านที่ยาว และมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบเป็นลำดับต้นๆ
ตนจึงมีข้อเสนอในการทำงานเชิงรุกในเวทีระหว่างประเทศ 5 ข้อ คือ
1) เปลี่ยนจากการวางตัวเป็นประเทศที่คอยทำตามกติกาที่คนอื่นเขียนให้ มาเป็นผู้ร่วมกำหนดกติกากับประเทศอื่นๆ ผ่านความร่วมมือในเวทีภูมิภาค เช่น ASEAN และ BIMSTEC
2) การทำตัวเป็นพื้นที่ปลอดภัยในเวทีการค้าระหว่างประเทศ เป็นพื้นที่ที่ทำให้นักลงทุนที่อยากย้ายฐานจากจีนหรือกระจายความเสี่ยงจากสหรัฐอเมริกาหันมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะทำแบบนี้ได้สิ่งที่หนีไม่พ้นคือขจัดกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคเพื่อให้เกิดความสะดวกในการลงทุนในประเทศ
3) ความกล้าในการเปิดเวทีการเจรจากับประเทศมหาอำนาจอย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการกำหนดข้อตกลงให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี การทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มในท้องถิ่น ไม่ปล่อยให้กินรวบตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานในประเทศไทย หรือการนำไปสู่การร่วมลงทุนที่ทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวและพลังงานหมุนเวียนในประเทศ
4) ยกระดับมาตรฐานประเทศไทยให้ทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้วโดยเร็วที่สุด เช่นการเข้าร่วมเป็นกลุ่มประเทศ OECD ซึ่งจะช่วยยกระดับการบริหารจัดการเศรษฐกิจไทยให้ดียิ่งขึ้น เปิดประตูในการร่วมมือกับอีกหลายประเทศในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน การศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เป็นต้น
5) ในฐานะประเทศอำนาจกลาง นอกจากการมองไปข้างบนที่กลุ่มประเทศ Global North แล้ว ต้องมองลงไปข้างๆ ไปในกลุ่มประเทศ Global South ด้วย กำหนดบทบาทตัวเองให้กลายมาเป็นผู้นำให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศที่กำลังพัฒนาด้วยกันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาค ASEAN
พร้อมฝากข้อเสนอไปยังรัฐบาล ระยะสั้นคือ 1) การตั้งกลุ่มภาคีที่ประกอบไปด้วยภาครัฐและภาคเอกชนในการติดตามสถานการณ์และผลกระทบในระยะยาวต่อเนื่อง 2) รัฐบาลต้องเปิดเผยข้อมูลการเจรจาอย่างโปร่งใสได้แล้ว ว่าไทยเอาอะไรไปเสนอ สหรัฐอเมริกาเรียกร้องอะไรและให้อะไรกับประเทศไทยกลับมาบ้าง 3) ประเมินผลกระทบเบื้องต้นอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล ว่ามีเกษตรกร ผู้ประกอบการ SMEs ผู้ใช้แรงงาน หรืออุตสาหกรรมภาคส่วนใดบ้าง ที่กำลังได้รับผลกระทบ และต้องประเมินผลกระทบแบบตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้การออกแบบนโยบายต่อไปนี้สามารถเสริมความเข้มแข็งได้ทั้งอุตสาหกรรม 4) วางกรอบแผนเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน เช่น การใส่เงินเข้าไปในกองทุน FTA เพื่อรองรับการเยียวยาแรงงานและผู้ประกอบการที่อาจได้รับผลกระทบ และต้องเปลี่ยนกลไกของกองทุน FTA ใหม่ จากเดิมที่ทำเป็นรายโครงการ ให้เน้นเป็นรายห่วงโซ่อุปทานและต้องทำอย่างต่อเนื่องไปในอนาคต และ 5) การกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมาย ที่ต้องควบคุมและกำกับมาตรฐานสินค้าอย่างเข้มงวด ระมัดระวังสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ ที่อาจล้นทะลักเข้ามาในประเทศไทยด้วย
ส่วนข้อเสนอระยะกลาง ประกอบด้วย 1) การปรับตัวเข้ากับห่วงโซ่อุปทานใหม่ เตรียม Reskill/Upskill อย่างจริงจังให้พร้อมปรับตัว กำหนดเลือกเส้นทางการปรับตัวได้ด้วยตนเอง 2) การวางยุทธศาสตร์การเจรจาในอนาคต ประเทศไทยยังต้องใช้เวทีเจรจาในระดับพหุภาคี ไม่ว่าจะเป็น ASEAN หรือ BIMSTEC และการเร่งรัดเข้าเป็นสมาชิก OECD เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองของไทยในระยะยาว ส่วนในระยะยาว ต้องมีการลงทุนให้ประเทศไทยมีเครื่องจักรทางเศรษฐกิจตัวใหม่ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าหากในวันพรุ่งนี้ประเทศไทยจะต้องพบฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด คือหากยังโดนภาษีที่อัตรา 36% ประเทศไทยอาจมีการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจปีนี้เพียงแค่ 1.1% และจะต่ำลงเหลือ 0.4% ในปีหน้า การบริหารที่ดีต้องมีการประเมินฉากทัศน์ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อนเสมอ ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนอยากได้ยินจากรัฐบาลในวันนี้ หากเกิดกรณีฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุดขึ้น รัฐบาลมีมาตรการในการเยียวยาผลกระทบอย่างไร รวมถึงมีนโยบายอย่างไรในการทำให้ประเทศไทยมีจุดยืนที่ดีขึ้นในเวทีโลก การวางตำแหน่งให้ไทยเป็นผู้นำ ASEAN และทำหน้าที่เป็นสะพานที่เชื่อมครึ่งหนึ่งของโลกเข้าด้วยกัน เป็นมุมมองที่ตนอยากให้รัฐบาลนำไปพิจารณาในวันนี้ เพราะจะกำหนดบทบาทและเวทีของไทยในเวทีการทูตระหว่างประเทศต่อนี้ไปในอนาคต
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “เท้ง ณัฐพงษ์” ยื่นญัตติด่วนรับมือภาษีทรัมป์ เสนอ 5 ข้อให้รัฐบาลทำงานเชิงรุก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “เท้ง” ดักคอวงดินเนอร์ ไม่อยากเห็นแบ่งเค้ก ลั่น ปชน. เกาะติดงบฯ 1.57 แสนล้าน
- “เท้ง” ซัดโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งล้มเหลว ของบพันล้านแต่แอปฯ ล่ม ระบบพัง
- “เท้ง” วอนทุกพรรครับหลักการร่างนิรโทษกรรม ปลดชนวนขัดแย้งตลอด 20 ปี
- “เต้น” ฟังจาก “เท้ง” พูด เชื่อแนวโน้มไปทางโหวต “อนุทิน” เป็นนายกฯ
- พรรคประชาชนเผยยกร่าง พ.ร.บ.สงฆ์ไว้ เล็งใช้ กม.ฟองเงินกับวงการสงฆ์
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath