S&P 500 ปิดเหนือ 6,300 จุดเป็นครั้งแรก Nasdaq ทำสถิติสูงสุดใหม่
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันจันทร์ ( 21 ก.ค.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า ดัชนีS&P 500
ปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อผลประกอบการบดบังความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุดในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับคู่ค้า
ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.14% ปิดที่ 6,305.60 จุด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ปิดตลาดเหนือระดับ 6,300 จุด ดัชนีNasdaq Composite ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.38% ปิดที่ 20,974.17 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดัชนีทั้งสองทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาลระหว่างวันในช่วงต้นของการซื้อขาย
โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Meta Platforms และ Amazon
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 19.12 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 44,323.07 จุด
นับว่าเป็นช่วงที่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการกำลังเริ่มต้นอย่างแข็งแกร่ง หุ้นของเวอไรซอน(Verizon) พุ่งขึ้น 4% หลังจากผลประกอบการไตรมาสที่สองพุ่งสูงขึ้น กระตุ้นความตื่นเต้นที่รายงานผลประกอบการอื่นๆ จะออกมาดี เวอไรซอน
เป็นหนึ่งใน 62 บริษัทในดัชนี S&P 500 ที่รายงานผลประกอบการไปแล้ว โดยในจำนวนนี้มากกว่า 85% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตามข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล FactSet ผลประกอบการในไตรมาสที่สองยังเติบโต 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากผลประกอบการในสัปดาห์แรก ตามรายงานของ Bank of America
คาดหุ้นเทคฯยักษ์หนุนตลาดขึ้นต่อ
ราคาหุ้น Alphabet โดดเด่นในช่วงการซื้อขาย โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ก่อนผลประกอบการรายไตรมาสในวันพุธหลังตลาดปิด รวมถึงบริษัทTesla ซึ่งเป็นบริษัทแรกในกลุ่มเจ็ดนางฟ้า (Magnificent Seven) ที่เตรียมรายงานผลประกอบการ ผลงานของบริษัทเหล่านี้อาจช่วยหนุนค่าดัชนีหลักๆ หากสามารถทำได้ดีกว่าประมาณการได้ ราคาหุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายนี้ปิดตลาดลดลงเล็กน้อย
คาดว่าหุ้นขนาดใหญ่เหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของกำไรในช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สอง และจอห์น บัตเตอร์ส นักวิเคราะห์จาก FactSet คาดการณ์ว่า “Magnificent Seven” จะมีกำไรเติบโต 14% ในไตรมาสที่สอง เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ อีก 493 บริษัทในดัชนี S&P 500 ที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตเพียง 3.4%
นักลงทุนให้ความสนใจกับความเชื่อมั่นในช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการครั้งนี้ แม้ทำเนียบขาวจะย้ำจุดยืนเรื่องภาษีศุลกากรในช่วงสุดสัปดาห์ก็ตาม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยฮาวเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เรียกวันที่ 1 สิงหาคมว่าเป็น “เส้นตายที่เด็ดขาด” สำหรับประเทศต่างๆ ที่ต้องเริ่มชำระภาษีศุลกากร แม้ว่าเขาจะกล่าวเสริมว่า “ไม่มีอะไรหยุดยั้งประเทศต่างๆ ไม่ให้เจรจากับเราหลังจากวันที่ 1 สิงหาคมได้”
“ ด้วยความคาดหวังในผลประกอบการที่ต่ำเช่นนี้ ผมคิดว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้” แซม สโตวอลล์ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทวิจัย CFRA Research กล่าวกับซีเอ็นบีซี “นั่นเป็นกำลังให้กับตลาด”
โดยภาพรวมแล้ว สโตวอลล์ ชี้ให้เห็นว่าตลาดกำลัง "ทำในสิ่งที่ปกติ" โดยเชื่อว่าตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยอีกประมาณ 10% หลังจากฟื้นตัวจากการร่วงลงแรงถึง 20% ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคาดว่าดัชนี S&P 500 อาจแตะระดับ 6,600 ก่อนที่จะร่วงลงใหม่ ซึ่งหมายถึงการเพิ่มขึ้นประมาณ 4.7% จากระดับปิดตลาดในวันจันทร์
“โดยทั่วไปแล้ว ปัจจัยลบต่างๆ มักจะถูกสลัดออกไปจากตลาดในช่วงการปรับฐานนี้ และตอนนี้เรากำลังเห็นบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่อาจไม่ได้แย่อย่างที่เราคิด ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกำลังฟื้นตัว และเราไม่เห็นว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะได้รับผลกระทบในทางลบจากภาษีศุลกากร” สโตวอลล์ กล่าวต่อ “บางทีมันอาจเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น แต่อย่างน้อยก็ตอนนี้ ผมคิดว่านักลงทุนกำลังพูดว่า ‘รู้ไหม ตลาดกำลังบ่งชี้ว่าจะปรับตัวสูงขึ้นต่อไป’”