ครอบครัวเข้าเยี่ยม “พลทหารอดิศร” เหยียบกับระเบิด
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 29 สิงหาคม 2568 เวลา 4.17 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทสุรินทร์ 28 ส.ค. – พ่อ-แม่ พร้อมญาติพี่น้องกว่า 30 คน เข้าเยี่ยมพลทหารอดิศร เหยียบกับระเบิดข้อเท้าขาด กลั้นน้ำตาไม่อยู่ พ่อเผยยังใจหาย แต่ภูมิใจในตัวลูกชาย
จากกรณีพลทหารอดิศร ป้อมกลาง ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด ล่าสุด พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุรินทร์ วันนี้พ่อ-แม่ พร้อมญาติพี่น้องกว่า 30 คน เดินทางมาจาก จ.นครราชสีมา ตั้งแต่เช้า เพื่อเข้าเยี่ยมพลทหารอดิศร ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ทันทีที่ ครอบครัวเข้าไปเห็นสภาพของพลทหารอดิศร นอนรักษาตัวอยู่ ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จากนั้นก็ได้มีการนำด้ายสายสิญจน์มาผูกข้อไม้ข้อมือ เพื่อเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจ
แม่ของพลทหารอดิศร เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า วันนี้ครอบครัว และญาติๆ ตั้งใจมาเยี่ยมลูกชาย ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตนเองยังไม่ได้โทรคุยกัน วันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เจอหน้าลูกชาย ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ตนเองได้นำชายผ้าถุงให้ลูกชายพกติดตัวไว้ ในขณะที่มาประจำการในพื้นที่ชายแดน ซึ่งที่ผ่านมาลูกชายก็แคล้วคลาดปลอดภัยมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ ที่มีเหตุการณ์ทหารแนวหน้าถูกระเบิดเสียชีวิต ลูกชายของตนเองก็เคยเกือบถูกระเบิดเช่นกัน แต่ก็รอดมาได้ แต่ในครั้งนี้ ลูกชายโทรมาบอกตนเองว่าชายผ้าถุงที่แม่ให้นั้นหายไป ตนเองจึงทำได้แค่ส่งกำลังใจให้ลูก พร้อมวอนให้รัฐบาลไทย เอาคืนกับฝั่งกัมพูชาให้หนัก
ขณะที่นายไหล ป้อมกลาง อายุ 56 ปี พ่อของพลทหารอดิศร ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเยี่ยมลูกชายว่า ยังรู้สึกใจหาย ที่ลูกชายเหยียบกับระเบิดจนขาขาด แต่ก็รู้สึกภูมิใจมากที่ลูกชาย ได้ทำหน้าที่ทหารอย่างเต็มที่ ในการรักษาเขตแดนและก็อยากให้กำลังใจทหารนายอื่นๆ ที่ทำหน้าที่อยู่แนวหน้า รวมถึงอยากให้กำลังใจแม่ทัพ หลังจากนี้หากลูกชายหายดีแล้วก็จะพาลูกชาบ กลับไปดูแลต่อที่บ้าน ส่วนเรื่องของการเยียวยานั้นก็เป็นเรื่องรัฐบาลต่อไป
ด้าน นพ.นาวิน ขันธรักษา ศัลยแพทย์โรงพยาบาลสุรินทร์ แพทย์ที่ทำการผ่าตัดรักษา เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ใช้เวลาผ่าตัดเกือบ 2 ชั่วโมง โดยไม่สามารถรักษาข้อเท้าขวาไว้ได้ จึงต้องทำการตัดช่วงหน้าแข้ง และผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดที่ข้อมือขวา ใบหน้า และตามร่างกายออกทั้งหมด โดยมีเพื่อนของพลทหารอดิศร บริจาคเลือดมาให้ ทำให้การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี ตอนนี้ก็ไม่ได้มีเลือดออกแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อระวังแผลติดเชื้อและจะต้องพักรักษาตัวต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์ที่โรงพยาบาล.-สำนักข่าวไทย