ความฝัน VS ความจริง รางวัลโนเบล สาขาสันติภาพของทรัมป์

หุ้นวิชั่น - สำนักข่าว CNBC ได้ระบุว่า ในยุคปัจจุบันการรับโทรศัพท์แบบไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า ในเวลาใดก็ตามอาจทำให้รู้สึกน่าประหลาดใจได้ แต่..มีรายงานว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของนอร์เวย์ ได้รับสายที่น่าประหลาดใจที่สุดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

โดยตามรายงานของหนังสือพิมพ์นอร์เวย์ Dagens Naeringsliv ผู้ที่ต่อสายตรงมาคือ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสิ่งที่ทรัมปเรียกร้องจาก เยนส์ สตอลเตนเบิร์ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของนอร์เวย์ คือวิธีการเสนอชื่อ “เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ”

รางวัลโนเบลของฝันของทรัมป์?

ทรัมป์ ได้เปิดเผยต่อสาธารณะอย่างชัดเจน เกี่ยวกับความปรารถนาที่จะได้รับรางวัลดังกล่าว ซึ่งบางคนบอกว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทรัมป์เป็นคนกลางในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพ ทั้ง ยูเครนและรัสเซีย รวมถึงที่อิสราเอลและฉนวนกาซา

แต่..ในช่วงเดือนมิถุนายน ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความบน Truth Social เพื่อตัดพ้อว่า “ไม่หรอก ผมจะไม่ได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม รวมถึงเรื่องรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล-อิหร่าน ไม่ว่าผลลัพธ์เหล่านั้นจะเป็นอย่างไร แต่..ประชาชนรู้ และนั่นคือผลงานของผม!”

มุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ กับ รางวัลโนเบล

สัปดาห์นี้ประเด็นสำคัญกลับมาอีกครั้ง กับ ผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จากผลงานของทรัมป์ โดยกลุ่มผู้ได้รับรางวัลโนเบล จะเข้าร่วมจะมาพบกันในงานประจำปีที่ เมืองลินเดา ในประเทศเยอรมนี

ด้าน โจเซฟ สติกลิตซ์ หนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบลที่มีชื่อเสียงที่สุดกล่าว กับ สำนักข่าว The Guardian ว่า“สหรัฐฯได้กลายเป็นสถานที่ที่ผมกล้าพูดได้ว่า น่ากลัวสำหรับการลงทุน” สติกลิตซ์ กล่าวเมื่อต้นปีว่า นโยบาย ภาษีศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะกระตุ้นให้เกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซา ที่มาพร้อมกับเงินเฟ้อ จนทำให้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) “รู้สึกกังวลอย่างเห็นได้ชัด”

ฟาก โรเจอร์ เมเยอร์สัน ผู้ได้รับรางวัลโนเบลอีกคน ซึ่งเข้าร่วมการประชุมที่ลินเดาด้วย มีความกังวลมากเกี่ยวกับ การเมืองของสหรัฐฯ โดยเขียนบทความแสดงความคิดเห็นว่า “เมื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มใหญ่เชื่อมั่นว่ามีเพียงพรรคเดียวเท่านั้น ที่ใส่ใจพวกเขาอย่างแท้จริง พวกเขาก็อาจจะไม่รู้สึกว่าตนมีส่วนสนับสนุนและละเลยเรื่องประชาธิปไตย และขัดต่อทางรัฐธรรมนูญ”

ในขณะเดียวกัน ไซมอน จอห์นสัน ผู้ได้รับรางวัลโนเบล ก็ได้แสดงความกังวลเกี่ยว กับ การโดดเดี่ยวตนเองของสหรัฐฯ โดยกล่าวกับพอดแคสต์ Nobel Prize Conversations ว่า “การกระทำนี้ กำลังทำลายทุนมนุษย์ และ มอบความได้เปรียบครั้งใหญ่ให้แก่คู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์ มันเป็นการกระทำที่โง่เขลา และ ทำลายตัวเอง โดยรัฐบาลของทรัมป์”

ความจริงที่เป็นไปได้ยาก?

สำหรับประธานาธิบดี ทรัมป์ กับรางวัลนี้ เป็นที่ยอมรับได้ยาก อย่างไรก็ตาม ก็มีผู้สนับสนุนที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ในการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสันติภาพนี้อยู่ โดย ฮิลลารี คลินตัน อดีตคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต และอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง กล่าวเมื่อเร็ว ๆนี้ว่า หากทรัมป์สามารถยุติสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย “โดยไม่ทำให้ยูเครนตกอยู่ในสถานะที่ต้อง ยอมยกดินแดนของตนให้กับผู้รุกราน ดิฉันจะเสนอชื่อเขาเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ”ฮิลลารีกล่าว

นอกจากนี้ สำนักข่าว CNBC จะสัมภาษณ์สด กับ ผู้ได้รับรางวัลโนเบล จากการประชุมที่ลินเดา ในวันพุธและวันพฤหัสบดีนี้อีกด้วย ต้องติดตามกันต่อไป

ที่มา CNBC