แจงเหตุป่วนใต้ มุ่งทำลายศก. คุมสอบ21ราย
หน่วยความมั่นคงแจงป่วนชายแดนใต้ 9 จุด มุ่งเป้าต่อทรัพย์ ทำลายระบบเศรษฐกิจ ควบคุมผู้ต้องสงสัย 21 ราย ขณะที่ปัตตานีถูกเผากล้องวงจรปิดเพิ่ม
จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกลุ่มคนร้ายลอบวางระเบิดตู้ ATM วางวัตถุต้องสงสัย เผายางรถยนต์ ป่วนในพื้นที่ จำนวน 9 จุด เมื่อช่วงดึกของวันที่ 1 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีความพยายามฉกเงินจากเซฟ เพื่อทำลายระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน
ที่ห้องประชุมยะลารวมใจ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า เมื่อวันที่ 2 กันยายน เวลา 09.00 น. พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9, พล.ต.ต.ชุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้, นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และนายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. ร่วมแถลงผลการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำเดือนสิงหาคม เพื่อติดตามสถานการณ์คดีความมั่นคงในพื้นที่ โดยเฉพาะเหตุคนร้ายก่อเหตุลอบวางระเบิดตู้ ATM วางวัตถุต้องสงสัย เผายางรถยนต์ ป่วนในพื้นที่ จำนวน 9 จุด
พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์เปิดเผยว่า ผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง เดือนสิงหาคม 2568 มีการปิดล้อมตรวจค้น 15 ครั้ง ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 21 คน (อยู่ระหว่างซักถาม 14 คน) เกี่ยวข้องกับคดีสำคัญหลายคดี เช่น เหตุยิงเจ้าหน้าที่ เหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมถึงผู้ต้องหาตามหมายจับที่ถูกผลักดันกลับจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนการดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ออกหมายจับ 33 หมาย จับกุมแล้ว 17 คน คดีเด่น อาทิ เหตุยิงและลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่นราธิวาสและยะลา คดีลอบวางระเบิดในจังหวัดท่องเที่ยว (กระบี่-พังงา-ภูเก็ต) คดีเผารถยนต์และยิงเจ้าหน้าที่ในพื้นที่สุไหงปาดี
พล.ต.ต.ชุมพลเปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายลอบวางระเบิดตู้ ATM วางวัตถุต้องสงสัย เผายางรถยนต์ ป่วนในพื้นที่ จำนวน 9 จุด มุ่งเป้าประสงค์ต่อทรัพย์ เพื่อทำลายระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทางหลักนิติวิทยาศาสตร์ เชื่อเป็นกลุ่มขบวนการที่มีความประสงค์ต่อทรัพย์ที่ชัดเจน เป็นลักษณะของการก่อเหตุกลุ่มขบวนการ วางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี ก่อเหตุในเวลาเดียวกันทั้ง 3 จังหวัด ใช้ระเบิดที่ออกแบบเพื่อทำลายตู้ ATM ลักษณะเป็นท่อวิ่งตามขอบของเซฟตู้ ATM ทุกตู้ โดยใช้รีโมตในการจุดชนวนระเบิด จากนั้นกลุ่มคนร้ายมีความพยายามงัดแงะฝาเซฟ เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ หวังทำลายระบบเศรษฐกิจ ส่วนจะเป็นกลุ่มใหม่ หรือกลุ่มเก่า ขอใช้เวลาในการตรวจสอบทางหลักนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่เร่งติดตามกลุ่มขบวนการที่ก่อเหตุในครั้งนี้
พล.ท.ไพศาลกล่าวว่า ที่ผ่านมากลุ่มขบวนการมีความพยายามหาช่องว่าง เลือกช่วงเวลาในการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในยามวิกาล ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญในการติดตามเร่งรัดทุกคดี พร้อมความคืบหน้าติดตามผู้ก่อเหตุรุนแรงและผู้เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว ยึดหลักสิทธิมนุษยชน และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
ที่ จ.ปัตตานี เวลาประมาณ 04.00 น. สภ.มายอ ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ลุโบะยิไร ว่ามีราษฎรพบเห็นซากการเผาทำลายกล้องวงจรปิดที่ ม.1 ต.ลุโบะยิไร จุดที่ 1 กล้อง ศป.มท. จำนวน 2 ตัว สามแยก ม.1 ต.ลุโบะยิไร อ.มายอ จ.ปัตตานี (ถูกเผาทำลาย) ยังไม่เปิดใช้งาน, จุดที่ 2 กล้อง จำนวน 2 ตัว (wifi และ 4G) สายชลประทาน ม.2 ต.ลุโบะยิไร อ.มายอ จ.ปัตตานี (สูญหาย), จุดที่ 3 กล้อง (wifi) จำนวน 2 ตัว หน้า รร.บ้านถนน ม.1 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี (สูญหาย).