เอกชนขอคนดี เก่งกู้เศรษฐกิจ ชี้4เดือนสั้นไป
เอกชนต้องการ "คนดี-คนเก่ง" มาทำงานช่วงเปลี่ยนผ่าน "นายกฯ" ต้องมีความเป็นผู้นำสูง เร่งช่วยเหลือ SME ที่เปราะบาง ชี้รัฐบาลเฉพาะกิจ 4 เดือนไม่พอฟื้นฟูเศรษฐกิจ “รมช.พาณิชย์” ยันอุบัติเหตุการเมืองไม่ทำเจรจาการค้าสะดุด
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 กันยายน นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการสานต่อเจรจาการค้าและภาษีสหรัฐอเมริกา หลังเกิดการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองว่า การเจรจากับสหรัฐ เชิงเทคนิคยังสามารถเจรจาต่อได้ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นเจ้าภาพในการเจรจาร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่สามารถดำเนินการต่อได้ แต่ต้องรอนโยบายจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ แต่คาดว่าระหว่างนี้เชิงเทคนิคจะดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า สถานการณ์ทางการเมืองไม่มีผลต่อการเจรจาใช่หรือไม่ นายฉันทวิชญ์ยอมรับว่า ใช่ ในช่วงหนึ่งเดือนนี้การเจรจาในเชิงเทคนิคของหน่วยงานภาครัฐไทยและสหรัฐสามารถดำเนินการต่อได้ไม่สะดุด
เมื่อถามย้ำว่า หากมีรัฐบาลใหม่มา จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมและมีผลต่อการเจรจาหรือไม่ รมช.พาณิชย์กล่าวว่า อาจจะมีบางที่ต้องใช้การตัดสินเชิงนโยบายคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ และรัฐสภาต้องพิจารณา แต่ขอยืนยันว่าการเจรจาระหว่างไทยสหรัฐ ในเชิงเทคนิคสามารถดำเนินการต่อได้แน่นอน
ส่วนภาษีศุลกากรรายการสินค้าที่จะยกเว้นให้สหรัฐกว่าหมื่นรายการ จะต้องรอ ครม.ชุดใหม่นั้น รมช.พาณิชย์กล่าวว่า ใช่ ซึ่งที่ผ่านมามีการเจรจาในเชิงเทคนิคมาแล้ว และขั้นตอนต่อไปก็ต้องผ่าน ครม.ชุดใหม่หรือชุดปัจจุบัน และเข้าสู่สภา เพื่อที่จะพิจารณาในรายละเอียดต่อไป ยืนยันว่าในเรื่องอัตราภาษี ยังไม่มีผลกระทบในปัจจุบัน
วันเดียวกัน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และ ครม.ชุดใหม่ว่า การได้มาซึ่งนายกฯ และ ครม. คงต้องเป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญและกติกาที่มีอยู่ สิ่งสำคัญอยู่ที่การคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมกับงาน มีคุณสมบัติที่ตรงกับหน้าที่ และมีความเข้าใจเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ต้องคัดทั้งคนดีและคนเก่ง มาร่วมทำงาน ในส่วนของ ครม. ควรเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุมด้านต่างๆ เช่น การคลัง การลงทุน การค้าทั้งในและระหว่างประเทศ อุตสาหกรรม การศึกษา การพัฒนาบุคลากร และเทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อให้การดำเนินนโยบายเชิงรับและเชิงรุกเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวให้ฟื้นขึ้น แก้ไขกฎหมายและปรับโครงสร้างภาษีให้ทันสมัย ไม่ซ้ำซ้อน
“ประเทศไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ท้าทายมาก จึงเห็นว่าจำเป็นต้องมีนายกฯ ที่มีความเป็นผู้นำสูง มีวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจที่ชัดเจน กล้าตัดสินใจ ที่สำคัญต้องสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและประชาชน ซึ่งเป็นกุญแจหลักที่จะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้ รวมทั้งต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) ที่เปราะบาง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ของประเทศและเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย” นายเกรียงไกรระบุ
ขณะที่ทีมเศรษฐกิจนั้น ในความคิดเห็นส่วนตัวต้องการได้ดรีมทีมเศรษฐกิจที่แท้จริง ที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ และความคิดสร้างสรรค์ พร้อมทำงานเป็นทีม เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยที่ซบเซามานานให้กลับเข้าสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาคได้อีกครั้ง และก้าวพ้นกับดักความยากจนได้อย่างมั่นคง โดยดรีมทีมควรมาจากพรรคเดียวกัน ภายใต้การนำเดียวกัน เพื่อทำงานได้อย่างสอดคล้อง หากเป็นทีมที่มาจากต่างขั้วทางการเมือง อาจมีวิสัยทัศน์และนโยบายไม่ตรงกัน ต้องมาเริ่มต้นใหม่ ทำให้เสียเวลา เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไม่มีเวลาลองผิดลองถูกอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากถามว่ารัฐบาลเฉพาะกาล 4 เดือนเพียงพอหรือไม่ หรือควรอยู่ยาวก่อนยุบสภา มองว่า 4 เดือนถือว่าสั้นเกินไป ทำอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะการฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่สามารถเห็นผลได้ภายในเวลาสั้นๆ หากรัฐบาลอยู่ต่อเพียง 4 เดือน สิ่งที่จะทำได้จริงคือมาตรการเฉพาะหน้า เช่น การอัดฉีดเงินหรือการกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่ในมิติของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ต้องใช้ความต่อเนื่องและการดำเนินงานแบบบูรณาการ
"ดังนั้น จึงเห็นว่าการมีรัฐบาลที่อยู่ต่อในระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้สามารถดำเนินนโยบายเชิงโครงสร้างได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปฏิรูปภาษี การปรับปรุงกฎระเบียบ และการสนับสนุน SMEs รวมถึงสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ลดความผันผวนที่เกิดจากการเมือง และสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศและมีเวลาพอที่จะเดินหน้านโยบายระยะยาว เช่น การผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และการดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ" ประธาน ส.อ.ท.ระบุ.