คนไทย 52 ราย เจ้าของที่ดิน บ้านหนองจานที่เขมรยึดครองมา 40 กว่าปี ขอบคุณทหารเข้าล้อมรั้วชายแดนกันเขมรออกจากแผ่นดินไทย

สระแก้ว – ชาวบ้านคนไทยบ้านอ่างศิลาและบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ในจำนวน 52 ราย เจ้าของที่ดิน บ้านหนองจาน ที่เขมรยึดครองมากว่า 40 ปี ขอบคุณทหารเข้าล้อมรั้วชายแดน และกันชาวกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 16 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าว เดินทางลงพื้นที่ ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พบกับชาวบ้านอ่างศิลาและบ้านหนองจาน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนบ้านหนองจาน ซึ่งอดีตเคยตั้งเป็นที่ตั้งศูนย์อพยพชาวกัมพูชา ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสงครามล้างเผ่าพันธ์ และชาวกัมพูชาได้ปักหลักอยู่อาศัยในแผ่นดินไทยมาจนถึงปัจจุบัน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านคนไทย ที่เป็นเจ้าของที่ดินและมีเอกสารสิทธิ์ สค.1 และ นส.3 อย่างถูกต้องตามกฏหมาย รวม 52 ราย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว อยู่ล้ำแนวหลักแดนที่ 46-47 และหลักเขตแดนที่ 48 ชัดเจน ชาวบ้านบางรายไม่สามารถไปทำนาในที่ดินของตัวเองได้ เพราะถูกทหารเขมรเอาปืนมาข่มขู่ ซ้ำร้ายกว่านั้น ชาวบ้านบางรายต้องเช่าที่ดินของตัวเอง จากชาวกัมพูชาที่ยึดครองไว้ สร้างความเดือดร้อนให้คนไทยมานานกว่า 40 ปี

ทั้งนี้ ชาวบ้านกลุ่มนี้ ได้นำปัญหาดังกล่าวร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เรียกสอบรายชื่อชาวบ้านที่เดือดร้อน ส่งไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสระแก้ว ส่งไปยังหน่วยความมั่นคง กองกำลังบูรพา และทำเนียบรัฐบาล แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ กระทั่ง เกิดสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา และทหารจากกองทัพภาคที่ 1 ได้รับคำสั่งให้เข้าดำเนินการผลักดันทหารและชาวกัมพูชาออกไปนอกแนวเขตอธิปไตยของไทย โดยยึดแนวหลักเขตแดนเป็นหลัก ส่งผลทำให้ชาวบ้านกัมพูชาบางส่วน ที่เข้ามายึดผืนแผ่นดินไทย ออกมารวมตัวกดดันทหารไทย แต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งทหารยังคงเดินหน้าวางรั้วลวดหนามหีบเพลงตาmแนวเส้นเขตแดนจริงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับห้ามชาวบ้านคนไทยหรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อความสะดวกและปลอดอดภัยในการปฏิบัติการฯ

โดยชาวบ้านเจ้าของที่ดินผืนดังกล่าว 7 ราย จากจำนวนชาวบ้านที่อำเภอโคกสูง จ.สระแก้ว สำรวจไว้ทั้งหมด 52 ราย รวมพื้นที่ 2,717 ไร่ 1 งาน ไม่สามารถเข้าทำกินในที่ดินของตัวเองได้ ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ดีใจมากที่ทหารและกองทัพภาคที่ 1 เข้าดำเนินการเรื่องนี้ และขอให้ดำเนินการให้สำเร็จ เพราะหลักเขตแดนมีชัดเจนคือ หลักเขตที่ 46 บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น มาหลักเขตที่ 47 ซึ่งเมื่อข้ามคลองห้วยตั้ง มาไม่ไกลจะเป็นหลักเขตที่ 48 เข้าพื้นที่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ มีหลักเขตที่ 49 อยู่ตรงข้ามหมู่บ้านป่าไร่ใหม่ ใกล้กับคันคูญวนข้างวัดป่าไร่เขมร ปัจจุบันมีคนกัมพูชาเข้ามาอาศัยอยู่ และหลักเขตที่ 50 อยู่ที่บริเวณตีนสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (ด่านคลองลึก) โดยชาวบ้านต้องการให้ทหารดำเนินการทำรั้วลวดหนามถาวรให้ชัดเจน ตามแนวแผ่นดินไทยจริง เพื่อที่จะสามารถออกไปทำมาหากินได้อย่างปกติสุข

นายธิติพัธท์ เสมาทอง ชาวบ้านอ่างศิลา เจ้าของที่ดิน 48 ไร่ เอกสาร สค.1 ซึ่งอยู่ติดแนวเขตหลักแดนที่ 47 ลงมา ปัจจุบันถูกเขมรยึดครองมานานกว่า 40 ปี ร้องเรียนไปทุกหน่วย ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ กล่าวว่า เขมรยึดที่ดินคนไทย ไม่ยอมย้ายไปศูนย์อพยพไซด์ทรู,และเขาอีด่าง พอมีค้าขายก็ออกมาตั้งหลักและอยู่ที่ดินของคนไทย จนถึงลวดหนามเดิม จากหลักเขต 46 ถึง 47 กัมพูชาเอาประชาชนมาอยู่เป็นหมู่บ้าน ร้องเรียนไปถึงทำเนียบก็ไม่ได้ผล ไม่มีใครรับผิดชอบอธิปไตยของไทยเลย

“ตอนนี้ชาวบ้านเพิ่งดีใจที่ทหารมากั้นรั้วกันเขตแดน และคาดว่า จะได้ที่ดินคืน ทุกคนมีเอกสารสิทธิ์หมด ตอนนี้เรายังเข้าพื้นที่ไม่ได้เพราะทหารไทยยังทำงานอยู่ เค้าไม่ให้เข้าไปไกล้ โดยที่ดินผืนนี้ได้ สค.1 ตั้งแต่ปี 2489 สมัยนั้นเป็น อ.อรัญประเทศ จ.ปราจีนบุรี ยังไม่มี อ.ตาพระยา ตั้งแต่เขมรแตกและตั้งเป็นศูนย์อพยพมา 40 กว่าปี ซึ่งชาวบ้านทั้งหมด 52 คน เสียที่ดินไป โดยเขมรยึดเอาลวดหนามเดิมที่ไทยทำไว้กันญวนเป็นแดน โดยไม่เอาหลักเขตแดน 46-48 เป็นเขตแดน ทำให้คนไทยที่เป็นเจ้าของที่ดินเดือดร้อน” นายธิติพัธท์ กล่าวและว่า

เขมรยึดที่ดินของไทย เวลาไปทำนาก็ถูกเขาเอาปืนมาขู่ บางคนอยากไปทำนาตัวเอง ต้องไปเช่าที่มัน แต่จริง ๆ เป็นที่ของเราเอง เพราะมันหวงเอาหมดว่าเป็นของมัน ซึ่งลวดหนามที่ทำชั่วคราวไว้กั้นญวนบุก เป็นต้นเหตุ ตอนนี้ชาวบ้านทั้งหมดเข้าพื้นที่ไม่ได้เลย ตอนนี้ทหารเข้าไปทำลวดหนามแนวใหม่ตามแนวหลักเขต 46-47 และ 48 ส่วนเขมรก็ระดมคนมาว่า เป็นพื้นที่เขมร บางคนเกิดตรงนั้น ไม่รู้ว่าเป็นพื้นที่ประเทศไทย หลักเขตมันมีอยู่แต่มันจะโกงเอา ณ ตอนนี้อยากให้ทหารทำตรงนี้ให้เบ็ดเสร็จ กั้นลวดหนามตามแนวหลักเขตแดนไทย-กัมพูชาเลย ไปจนถึงรอยต่อ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ ไปถึงหลักเขตแดน 49 ต้องเอาคืนให้หมด ไปถึงหลักเขต 50 ที่สะพานด่านคลองลึก ชาวบ้านดีใจเพราะต่อสู้กันมา 40 กว่าปี มรดกตกทอดมาจากพ่อแม่ ซึ่งถือว่า ปีนี้ทหารเอาอธิปไตยไทยกลับคืนมาได้ ต้องเอามาให้ได้เหมือนภาคอีสาน เพราะมันมีหลักเขตชัดเจน เราไม่ได้ไปบุกรุกเขา มีแต่เขามาบุกรุกเรา

ป้าคำผิน โอปั่น เจ้าของที่ดิน สค.1 ที่อยู่ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46-47 เนื้อที่ 75 ไร่ บอกว่า ที่ดินของตนเองตอนนี้เขมรไปปลูกบ้านอยู่ มีโกดังเก็บของเป็นหมู่บ้านเลย ตอนนี้ทำกินได้แค่ 20 ไร่ เพราะมีลวดหนามเดิมกั้นอยู่ มันให้เราทำแต่ฝั่งทางนี้ เราก็ได้แค่นั่งมอง โดยเขมรมันพูดว่า วันไหนเค้ามาแบ่งก็มาเอาคืน เราก็รออยู่ว่า ทหารเข้าไปยึดแบ่งตามหลักเขตเค้าจะคืนให้ยายมั้ย ซึ่งเขมรคนที่ยึดที่ไป ก็มีสามีเป็นนายใหญ่ฝั่งเขมร “ยายอยากให้ทหารเข้าไปแก้ไข แบ่งเขตกันให้เสร็จทำลวดหนามไปจนถึงโรงเกลือ โดยใช้หลักเขตจริง ๆ เป็นแนว ไม่งั้นไม่ได้หรอก เราไปทำมันก็แบกปืนมาแล้ว เราเอารถไถไปทำมันทหารมันแบกปืนมาไล่เราแล้ว จึงเข้าไปทำไม่ได้ เคยไปต่อสู้ จนบัดนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนทหารเข้าไปดำเนินการ ซึ่งก็ดีใจ ที่ที่ดินบรรพบุรุษ จะกลับมาเป็นของเรา อยากขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 1 ขอให้เอาให้ได้ ถ้าไม่ทำลวดหนามไม่มีโอกาสได้คืนแน่ เพราะไม่งั้นเดี๋ยวเค้าก็มาเหมือนเดิม ที่ผ่านมาพอเราข้ามฝั่งลวดหนามทหารเก่า-เขมรแดงอพยพ มันแบกปืนมาเลย ฤดูหวานข้าวเอารถไถลงไป มันเอาปืนมาเลย พวกเราต้องเอารถกลับ เราจึงรอความหวังทหารชุดนี้ดำเนินการให้เบ็ดเสร็จ ” ป้าคำผิน กล่าว

ส่วนนายประสิทธิ์ จันทะมา เจ้าของที่ดิน 50 ไร่ ระหว่างหลักเขตที่ 48-49 กล่าวว่า ตอนนี้ทหารกำลังไปทำแนวเขตใหม่ให้ตรงกับแผนที่และแนวหลักเขตแดนเดิม เราก็ดีใจขึ้นมา เพราะไล่เขมรออกไปโดยไม่ต่อสู้เลย เราก็ดีใจ ไม่ได้เสียเลือดเสียเนื้อ ถ้าทหารทำไปตลอดแนวก็จะเป็นเรื่องดี มันจะข้ามมาทำกินไม่ได้ เราทำนาก็ค่อยทำของเราไป เขมรก็อยู่ฝั่งเขมรไป ไทยก็ทำมาหากินไป ไม่ต้องยิงกัน โดยยึดหลักแนวเขตหลัก 46-49 ได้เลย อยากเห็นหลักเขต 48-49 ให้ตรงกันไปเลย เพราะเป็นที่ราบ สามารถทำได้เลย ซึ่งเราสู้เรื่องนี้มา 40 ปีแล้ว อยากได้ตรงนี้คืน เพราะทุกวันนี้เราทำไร่ทำนาติดกับเขมรทำได้ยาก เพราะมันพูดไม่รู้เรื่องนะ น้ำเยอะมันไม่เอามันปิด น้ำน้อย ไม่มีน้ำมันก็มาเปิด กลางคืนมันก็มา เราก็พูดไม่ได้กลัวมันเอาระเบิดมาวาง เสียอะไรเราก็ยอมเสียมันทุกอย่างแล้ว ถ้าต่อไปอยู่ฝั่งใครฝั่งมัน ชาวบ้านก็สามารถทำอะไรได้อย่างสะดวก ทุกวันนี้ คนไทยมันอุกอั่งเหลือเกิน จึงอยากให้ทหารดำเนินการปักเขตรั้วตั้งแต่หลัก 48-49 ให้เสร็จไปเลย ขณะที่ นางจิดาภา สิทธิพล อายุ 72 ปี เจ้าของที่ดินแปลงที่อยู่ติดกับหลักเขตแดนที่ 47 จำนวน 48 ไร่ บอกว่า อยากให้ทหารไปแบ่งปันให้ได้เขตแผ่นดินไทยคืนมา แม้แต่ตารางนิ้วเดียวเราก็ไม่อยากเสีย ต่างคนต่างอยู่ เพราะว่ามันมีหลักหมุด หลักเขตแดนอยู่ เค้าก็ควรอยู่ฝั่งเค้า เราก็ควรอยู่ฝั่งเรา แต่ ณ ตอนนี้เค้ามาอยู่ในที่เรา มาปลูกบ้าน ปลูกทุกอย่างในที่เรา สร้างตึก สร้างทำโกดัง แล้วทำเป็นตลาดขายของด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ชาวบ้านกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในจำนวนคนไทย 52 ราย ที่ถูกกัมพูชาเข้ามายึดดินแดนของไทยไป โดยที่คนไทยไม่สามารถทำอะไรได้ในช่วง 40 กว่าปีที่ผ่านมา กระทั่ง ทหารจากกองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังบูรพา ได้เข้าไปดำเนินการผลักดันทหารและชาวบ้านออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจากข้อมูลที่มีการสำรวจชัดเจนแล้ว พบว่า พื้นที่ดังกล่าวมีเนื้อที่ทั้งหมด 2,717 ไร่ 1 งาน ปัจจุบัน เจ้าของที่ดินดังกล่าว จำนวน 3 ราย ได้เสียชีวิตไปแล้ว คงเหลือให้ทายาทเข้ามาทวงคืนมรดกที่บรรบุรุษมอบไว้ให้แทน ซึ่งชาวบ้านอยากเรียกร้องให้แม่ทัพภาคที่ 1 ดำเนินการเรื่องนี้ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตามเส้นหลักเขตแดน 46-47-48 ไปจนถึงหลักเขตที่ 49 ต.ป่าไร่ และหลักเขตที่ 50 ที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา หน้าด่านคลองลึก เพื่อให้ปัญหาพื้นที่ชายแดนเหล่านี้จบลงเสียที

——————————-