พ่อแม่เด็กแห่แจ้งจับ ม้าทรง กำมะลอ ลวงด.ช. กว่า 30 คน ล่วงละเมิด จนหวาดผวา เป็นซึมเศร้า
วันที่ 13 ส.ค.2568 ผู้ปกครองและเด็กชายผู้เสียหายรวมกว่า 10 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองปัตตานี พร้อมพนักงานมูลนิธิช่วยเหลือด้านสิทธิเด็ก เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับชายวัย 25 ปี ซึ่งอ้างว่าเป็น ม้าทรง และรุ่นพี่ในกิจกรรมอบรมสมาธิ มีพฤติกรรมหลอกลวงและกระทำอนาจารเด็กชายหลายราย
โดยนางวิไล ผู้ปกครองของน้องเอมและน้องเอ (นามสมมติ) หลานชายวัย 14 และ 15 ปี เปิดเผยว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา ระหว่างที่เข้าร่วมโครงการอบรมฌานสมาธิในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี ชายผู้ก่อเหตุใช้ตำแหน่ง รุ่นพี่ ในค่าย และสถานะม้าทรงสร้างความน่าเชื่อถือกันเพื่อนออกไป และหลอกพาเข้าห้องก่อนออกอุบายแยกเด็กออกจากกลุ่ม อ้างว่าจะฝึกสมาธิขั้นสูงและทำพิธีเฉพาะบุคคล
นางวิไล กล่าวพร้อมน้ำตาว่า น้องเอ เชื่อใจ เพราะเห็นว่าเป็นรุ่นพี่ที่ค่าย ทุกคนเคารพ เมื่อเข้าไปอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่กลับถูกล่วงละเมิด ถอดกางเกง แล้วจับอวัยวะเพศของน้องเอและสำเร็จความใคร่ จนน้องเอต้องออกมาและพยายามหนีกลับบ้าน ไม่เข้าอบรมอีก ก่อนเล่าให้น้องเอมฟังและมาแจ้งผู้ปกครองทราบ ส่วนเด็กบางคนรู้เรื่องและไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวโดนทำร้ายหรือถูกกล่าวหาว่าโกหก
จากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น มีผู้เสียหายที่ยืนยันตัวแล้วอย่างน้อยประมาณ 30 คน อายุระหว่าง 10-15 ปี โดยหลายครอบครัวเพิ่งทราบเรื่องหลังเด็กมีพฤติกรรมซึมเศร้า ไม่อยากไปโรงเรียน และบางรายมีอาการหวาดกลัวคนแปลกหน้า
นางณภัชกมล สังข์แก้ว เจ้าหน้าที่มูลนิธิเป็นหนึ่ง ผู้ติดตามคดี เผยว่า ได้แจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยุติธรรมจังหวัดปัตตานี รายนี้เป็นม้าทรงกำมะลอมาหลอกกินเด็ก เมื่อติดตามดูพฤติกรรมเป็นแบบนี้มานานแล้ว แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด เลยยังไม่มีคนแจ้งความ
นางณภัชกมล กล่าวต่ออีกว่า กรณีนี้เข้าข่ายความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และอาจมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาล่วงละเมิดสิทธิ และยังพบว่ามีการบังคับ ขู่เข็ญเด็ก หรือหลอกลวงเพื่อนำเด็กไปหาประโยชน์เสพสุขทางเพศอีกด้วยยืนยันมีหลักฐานมัดตัวเอาผิดได้
พ.ต.อ.เจฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ระบุว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหายและพยานแวดล้อม พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา โดยจะให้ความคุ้มครองพยานและผู้เสียหายตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนเรื่องเยียวยาทางจังหวัดได้เข้ามาดูเคสนี้แล้ว พร้อมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ขอให้ผู้ปกครองที่สงสัยว่าบุตรหลานอาจตกเป็นเหยื่อ เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือประสานมูลนิธิฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือโดยด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีหรือข่มขู่จะทำร้ายเหยื่อเพิ่มเติม เพราะที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุมีการส่งข้อความไปขู่ไม่ให้เด็กออกมาพูด